THANA โดยนายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) เปิดเผยผลการดำเนินงานด้านการเงิน (Financial Performance) 9 เดือนแรก ปี 2566 ว่ารายได้รวม 753 ล้านบาท เติบโต 95 ล้านบาท คิดเป็น 14 % เมื่อเทียบกับปีก่อน มาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการในกลุ่มบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด ได้แก่ ธนาฮาบิแทต กรู๊ฟ ปิ่นเกล้า-สิรินธร แบรนด์เรือธงสำคัญที่มียอดขายที่ดีอย่างต่อเนื่องและปิดโครงการไปอย่างสมบูรณ์ โดยเมื่อวันที่ 11 และ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทเปิดพรีเซลโครงการใหม่ที่ร่วมทุนกับบริษัท โลฟิส ไทยแลนด์ จำกัด ด้วยการส่งโครงการธนาฮาบิแทต กรู๊ฟ พระราม 5 – นครอินทร์ สร้างปรากฏการณ์ผลตอบรับดีมาก
ขณะเดียวกัน กำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท คิดเป็น 20 % เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าส่วนยอดรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) อยู่ที่ 224 ล้านบาท โดยจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4 ประมาณ 65% รวมกับรายได้จากการขายโครงการปัจจุบัน และโครงการล่าสุด ธนาฮาบิแทต กรู๊ฟ พระราม 5 – นครอินทร์ (เฟสแรก) รวมถึงรายได้อื่นๆ เพื่อจะรอรับรู้รายได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 ส่วนแผนการดำเนินงานในไตรมาส 4 บริษัทเตรียมพรีเซลต่อเนื่อง โครงการธนาฮาบิแทต กรู๊ฟ พระราม 5 – นครอินทร์ เฟส 2 และโครงการใหม่ แบรนด์ “ธนาพาร์ค พรีเว่ ปิ่นเกล้า-สิรินธร” มูลค่า 100 ล้านบาท พร้อมเตรียมผุดธุรกิจเฮลท์ แคร์ เซอร์วิส (Health Care Service) ร่วมกับพันธมิตรธุรกิจด้านสุขภาพที่มีความเชียวชาญเฉพาะด้าน
“ด้วยประสิทธิภาพการบริหารงานด้านการตลาด การบริหารจัดการด้านต้นทุนและค่าใช้จ่าย และรายได้อื่นๆ จากการให้บริการการบริหารจัดการโครงการของบริษัทในเครือและกิจการร่วมค้า ทำให้บริษัทสามารถรักษาการเติบโตด้านกำไรได้ตามกรอบของต้นทุนที่กำหนดไว้ พร้อมเดินหน้าต่อเนื่องด้วยการร่วมกับพันธมิตรใหม่ๆ รองรับธุรกิจเฮลท์ แคร์ เซอร์วิส คู่ขนานไปกับการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตามแนวคิด ESG สู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน” นายสุทธิรักษ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานในมิติความยั่งยืน หรือ Green Performance ที่บริษัทดำเนินการตามแนวคิด ESG ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ ภายใต้โมเดล Total Green Real Estate Development – Service หรือที่เรียกว่า THANA GREEN ให้ทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานกระบวนการ Green ร่วมกัน พร้อมกับสรุปผลการชี้วัดอย่างต่อเนื่อง ส่งให้บริษัทสามารถลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ใน 9 เดือนได้ประมาณ 14,985 KgCO2eq เท่ากับบริษัทได้เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก และช่วยกันใช้พลังงานที่มีอย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันบริษัทได้คว้าคะแนนการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน (CGR) ปี 2566 ในระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) โดยการสนับสนุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และยังเป็นปีแรกที่ได้รับการประกาศให้เป็น 1 ใน 193 บริษัทที่ผ่านการประเมินหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่ระดับ Ratings BBB จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตอกย้ำศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นพัฒนาการกำกับดูแลกิจการ ภายใต้ปรัชญาการสร้างสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจ พร้อมดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อการ “เติบโต แตกไลน์ น่าอยู่ ยั่งยืน”