วันอังคาร ที่ 26 พฤศจิกายน 2567 12:45น.

“ประกันภัยไทยวิวัฒน์” เปิดตัว “MARS” Deep Tech Startup พร้อมโซลูชัน “MARS Inspect” AI ตรวจสภาพรถยนต์แบบเรียลไทม์

16 มีนาคม 2022

        ประกันภัยไทยวิวัฒน์” เปิดตัว “MARS” Deep Tech Startup พร้อมส่งโซลูชันแรก “MARS Inspect” ที่ใช้เทคโนโลยี AI ตรวจเช็กสภาพรถยนต์แบบเรียลไทม์ และแม่นยำ เพียงปลายนิ้วสัมผัสด้วยตัวคุณเอง ครั้งแรกของวงการประกันภัยไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน InsurTech เติมเต็มประสบการณ์แบบไร้รอยต่ออย่างลงตัว หวังเดินหน้าต่อจิ๊กซอว์การเติบโตแข็งแกร่ง ตั้งเป้าเบี้ยรับรวมแตะ 1 หมื่นล้านบาทภายในปี 2567

        นายเทพพันธ์ อัศวะธนกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVI ผู้นำนวัตกรรมด้าน InsurTech เปิดเผยว่า ปี 2565 จะเป็นอีกก้าวย่างสำคัญในการตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน InsurTech ของ “ประกันภัยไทยวิวัฒน์” ด้วยการนำเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence: ปัญญาประดิษฐ์) มายกระดับประสบการณ์ด้านประกันภัยของคนไทยให้ก้าวสู่ Next Normal เติมเต็มประสบการณ์แบบไร้รอยต่อได้อย่างลงตัว กับการเปิดตัว “MARS” (Motor AI Recognition Solution) Deep Tech Startup ที่มาพร้อมโซลูชันแรก “MARS Inspect” หรือแอปพลิเคชัน “มาตรวจ” AI ตรวจสภาพรถยนต์แบบเรียลไทม์ที่มีความแม่นยำ สะดวกรวดเร็วโดยผู้บริโภคสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองเพียงปลายนิ้วสัมผัส เพิ่มความปลอดภัยตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน หมดปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจากบุคคล (Human Error) และช่วยให้การทำประกันภัยรวดเร็วขึ้นถึง 10 เท่าเมื่อเทียบกับการทำประกันภัยในรูปแบบปกติ นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งนับเป็นอีกจิ๊กซอว์สำคัญช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งผลักดันเบี้ยรับรวมแตะ 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2567

        โดยตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมประกันภัยของประเทศไทย ภายใต้สโลแกน “คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต” ซึ่ง “ประกันรถเปิดปิด” นับเป็น InsurTech Solution แรกในโลก ที่ลดค่าเบี้ยประกันภัยได้สูงถึง 70% ผู้ใช้รถยนต์สามารถ Top-up เติมชั่วโมงการใช้งานตามต้องการ ภายใต้เบี้ยประกันภัยที่เข้าถึงได้ พร้อมได้ต่อยอดสู่ “ประกันรถเปิดปิด Home Plus” ประกันภัยแรกของไทยที่ให้ความคุ้มครองทั้งรถและบ้านในแผนเดียวกัน และล่าสุดได้เพิ่มความคุ้มครองสัตว์เลี้ยงที่ร่วมเดินทางสูงสุด 10,000 บาท ซึ่งนับเป็นการแก้ Pain Point ได้อย่างตรงจุด และตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้อย่างลงตัว ภายใต้การนำเทคโนโลยีสุดล้ำเข้ามาประยุกต์ใช้ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ไร้รอยต่อ (Seamless Experience) อย่างสมบูรณ์แบบ ส่งผลให้บริษัทฯเติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง เบี้ยรับรวมเติบโตถึง 2 เท่าในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และล่าสุดในปี 2564 กำไรสุทธิเติบโตเกือบ 500% สูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมกว่า 3 เท่า

        นายเทพพันธ์ บอกเพิ่มเติมว่า สำหรับลูกค้าที่สนใจทำประกันภัยสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน MARS Inspect ซึ่งรองรับทั้งระบบ Android และ iOS เพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการตรวจสภาพรถยนต์ด้วยตนเองได้แล้ววันนี้ และประกันภัยไทยวิวัฒน์ยังได้มอบสิทธิพิเศษ ให้กับผู้ที่สนใจเปลี่ยนมาใช้ประกันรถเปิดปิด กับแคมเปญใหญ่ Move มารับโปรฯ รับส่วนลดค่าเบี้ย 50% สูงสุดถึง 1,000 บาท สำหรับผู้สมัครใช้งานประกันรถเปิดปิด แบบ Package 4 เดือนขึ้นไป หรือประกันรถเปิดปิด แบบ Top-up หรือ ประกันรถเปิดปิด Home Plus ทุกแผนความคุ้มครอง ที่ซื้อผ่านช่องทาง Call Center 02-200-7000 หรือ www.thaivivat.co.th ตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม – 30 เมษายน 2565

        ดร.เฉลิมพล สายประเสริฐ Co-Founder บริษัท Motor AI Recognition Solution จำกัด (MARS) บอกถึง ภารกิจสำคัญของ MARS ว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยี AI มาสร้างประสบการณ์และมาตรฐานใหม่ให้วงการอุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์ของประเทศไทย ซึ่งได้เริ่มก้าวแรกด้วยการเปิดตัว “MARS Inspect” หรือ “มาตรวจ” แอปพลิเคชันตรวจสภาพรถด้วยเทคโนโลยี AI สุดยอดความแฟร์ โปร่งใส ถูกต้องและแม่นยำ ลดปัญหา Human Error โดยได้มีการนำเอา Convolutional Neural Network (CNN) โมเดลวิเคราะห์ภาพที่ดีที่สุดมาใช้สำหรับตรวจสภาพรถ ภายใต้การออกแบบกระบวนการคิดของ AI ให้เป็นไปตามวิธีการตรวจสภาพรถของมนุษย์มากที่สุด และใช้ฐานข้อมูลจริงที่ประกอบไปด้วยจำนวนภาพชิ้นส่วนของรถมากกว่า 100 ชิ้นส่วน และภาพตรวจสภาพรถกว่า 100,000 ภาพ ที่ได้มาจากเคสการพิจารณาการเคลมประกันรถจริงจากประกันภัยไทยวิวัฒน์ จึงส่งผลให้การระบุชิ้นส่วน และสภาพรถมีความถูกต้องและแม่นยำสูงกว่า 90% อีกทั้งยังได้นำ AI มาช่วยวิเคราะห์คุณภาพของภาพที่ถ่ายแบบเรียลไทม์ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นขณะถ่ายภาพ

        ด้านนายชัยเศรษฐ์ สังขมณีนาคร CEO บริษัท Motor AI Recognition Solution จำกัด (MARS) บอกว่า MARS เริ่มต้นก้าวแรกด้วยการเปิดตัวบริการการตรวจสภาพรถยนต์ที่ง่าย และรวดเร็วที่สุด สามารถตรวจได้ด้วยตัวเอง พร้อมผลการวิเคราะห์ที่ชัดเจน กำหนดขีดมาตรฐานใหม่ของการเป็นผู้นำการตรวจสภาพรถยนต์ ซึ่งเตรียมพัฒนาต่อยอดไปยังบริการอื่นๆในทุก Journey ของการทำประกันภัย เบื้องต้นคาดภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 จะมีโซลูชันใหม่ออกมาเพิ่มเติม เพื่อสร้างประสบการณ์ชั้นยอดให้กับผู้บริโภคและพลิกโฉมอุตสาหกรรมประกันภัยไทยไปอีกขั้น ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็น Deep Tech Company ระดับแนวหน้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

        โดย MARS ได้เสริมประสิทธิภาพการพัฒนาโซลูชัน AI ด้วยบริการ Amazon SageMaker จาก Amazon Web Services (Thailand) หรือ AWS ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยให้สามารถสร้าง เทรน และนำโมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่งมาใช้ได้อย่างสะดวก ง่ายดายมากขึ้น ภายใต้ระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยสามารถลดระยะเวลาการเทรนโมเดลได้กว่า 80% หรือจากใช้เวลา 1 เดือนเหลือเพียง 6 วัน ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้นถึง 20% ซึ่งทำให้ทีมงานสามารถมีเวลามากขึ้นในการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าและผู้ใช้งาน

        ขณะที่นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท Amazon Web Services (Thailand) จำกัด (AWS) บอกว่า ประกันภัยไทยวิวัฒน์มีความโดดเด่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อปฏิวัติวงการอุตสาหกรรมประกันภัยไทยมาโดยตลอด นับตั้งแต่ประกันรถเปิดปิด ที่เชื่อมต่อด้วย TVI Connect อุปกรณ์เปิด-ปิดประกันอัตโนมัติ พัฒนาโดยใช้ IoT ที่คิดค้นออกแบบเอง และการเปิดตัว MARS นี้นับเป็นอีกครั้งของการสร้างมิติใหม่ให้กับวงการ ซึ่งที่ผ่านมา AWS ได้ร่วมเป็นพันธมิตรในการดูแลระบบเบื้องต้น โดยใช้ผู้ให้บริการ Cloud ระดับโลกที่มีการการันตี uptime 99.99% และนอกจากนี้ AWS ยังมีระบบ Ecosystem ที่เหมาะกับการพัฒนา AI และ Machine Learning (ML) ใหม่ๆ ทั้งเรื่องของ service ที่ dedicate สำหรับ AI Modeling และการที่มีทรัพยากรที่เหมาะกับการรัน Model จึงมั่นใจได้ถึงเสถียรภาพของบริการ

        ทั้งนี้ ประกันภัยไทยวิวัฒน์ยังสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยการพัฒนาและทดสอบว่าประกันรถเปิดปิด สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้รถคนไทยด้วยการสร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคจริง ทำให้คนหันมาทำประกันรถยนต์ จากค่าเบี้ยที่ลดลงเป็นจำนวนมาก โดยครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค ทั้งประกัน ชั้น 1 ชั้น2+ และ ชั้น 3+ และที่สำคัญยังมั่นใจว่าผู้ใช้รถคนไทยโดยทั่วไปเหมาะกับแผนประกันรถเปิดปิด เพราะหากผู้บริโภคใช้รถ เฉลี่ยน้อยกว่าวันละ 4 ชั่วโมง จะสามารถลดค่าเบี้ยที่ต้องจ่ายอยู่สูงสุดถึง 70% ซึ่งจากข้อมูล สถิติคนไทยกว่า 90% ใช้รถน้อยกว่าวันละ 3 ชั่วโมง และนอกจากนี้ยังได้ทดสอบว่านวัตกรรมใหม่นี้ใช้งานได้จริง เพราะแม้จะมีการเปิดปิดเพื่อคิดค่าเบี้ยตามการใช้งานรถ แต่ผู้เอาประกันก็ยังได้รับความคุ้มครองครบตลอด 24 ชั่วโมง ตามแผนประกันที่เลือกซื้อ และที่สำคัญยังมีการบริการแจ้งอุบัติเหตุฉุกเฉิน ที่สะดวก และรวดเร็วผ่านทางแอปพลิเคชัน Thaivivat


คลิปวิดีโอ