วันพฤหัสบดี ที่ 28 พฤศจิกายน 2567 01:37น.

สมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดธุรกิจประกันวินาศภัย ปี 65 โต 4.5%

19 กันยายน 2022

        สมาคมประกันวินาศภัยไทย แถลงผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัย ตั้งแต่เดือนมกราคม – เดือนมิถุนายน 2565 รวม 6 เดือนที่ผ่านมา มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 132,741 ล้านบาท เติบโต 2.1% โดยคาดการณ์ทั้งปี 2565 เติบโต 3.5%-4.5% มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 272,000-274,600 ล้านบาท และคาดว่าปี 2566 จะมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 282,200-287,900 ล้านบาท หรือเติบโตราว 4.5%-5.5% จากการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

        นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2565 ว่า ปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลังจากถดถอยมาจากปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แม้ธุรกิจประกันวินาศภัยต้องฝ่าฟันผลกระทบต่าง ๆ ทั้งจากสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 ช่วงต้นปีถึงกลางปี และความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุน แต่ผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยรวม 6 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม – เดือนมิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา (ไตรมาส 2 ปี 2565) ยังคงมีอัตราการเติบโต 2.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 132,741 ล้านบาท โดยการประกันภัยแต่ละประเภทยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

        สำหรับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัย ปี 2565 ทั้งปีนั้น สำนักงานอัตราเบี้ยประกันวินาศภัย (IPRB) สมาคมประกันวินาศภัยไทย ประมาณการว่า จะเติบโตราว 3.5%-4.5% มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 272,000-274,600 ล้านบาท โดยการประกันภัยแทบทุกประเภทมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นจากการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว สถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 เริ่มคลี่คลาย มูลค่าการส่งออกและนำเข้าสินค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ยอดจำหน่ายรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว การท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลดีต่อการประกันภัย และคาดการณ์ว่าปี 2566 จะมีอัตราการเติบโตราว 4.5%-5.5% เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 282,200-287,900 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการที่ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ

        นายกี่เดช อนันต์ศิริประภา ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวถึงรายละเอียดผลประกอบการธุรกิจประกันวินาศภัยประเภทต่าง ๆ ณ ไตรมาส 2 (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2565 ว่า เป็นส่วนของเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของการประกันภัยรถยนต์จำนวน 75,453 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4.0%) โดยเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวมและการคลี่คลายของปัญหาชิ้นส่วนในการผลิตขาดตลาด ส่งผลให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้จำนวนกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงผลกระทบจากเบี้ยประกันภัยเฉลี่ยต่อกรมธรรม์ของการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของการประกันภัยรถยนต์ทั้งปี 2565 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของการประกันอัคคีภัยมีจำนวน 5,325 ล้านบาท (ลดลง 3.4%) โดยลดลงตามมูลค่าการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ลดลงในครึ่งปีแรก ส่วนเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของการประกันภัยทางทะเลและขนส่งมีจำนวน 3,553 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12.4%) โดยเพิ่มขึ้นจากการที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ความต้องการที่มากขึ้นของผู้บริโภคซึ่งส่งผลดีต่อการประกันภัยขนส่ง มูลค่าการส่งออกและนำเข้าสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น และเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของการประกันภัยเบ็ดเตล็ดมีจำนวน 48,411 ล้านบาท (ลดลง 0.8%) โดยลดลงจากการที่เบี้ยประกันภัย COVID-19 กว่า 6,000 ล้านบาทหายไปจากตลาด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการประกันภัยการเดินทาง ซึ่งอยู่ในกลุ่มของการประกันภัยเบ็ดเตล็ดนั้น มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงเพิ่มสูงขึ้นมากเป็น 1,243 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 238.6%) สืบเนื่องมาจากการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ ตลอดจนการเปิดประเทศและการคลายกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวยให้เกิดการเดินทางระหว่างประเทศได้มากขึ้น

        สำหรับอัตราความเสียหาย (Loss Ratio) ของการประกันวินาศภัยประเภทต่าง ๆ ณ ไตรมาส 2 (มกราคม – มิถุนายน) ของปี 2565 นั้น พบว่า อัตราความเสียหายโดยรวมของการประกันภัยทุกประเภทนั้นเท่ากับ 121.0% โดยอัตราความเสียหายของการประกันภัยรถยนต์เท่ากับ 55.3% อัตราความเสียหายของการประกันอัคคีภัยเท่ากับ 21.9% อัตราความเสียหายของการประกันภัยทางทะเลเท่ากับ 36.6% และอัตราความเสียหายของการประกันภัยเบ็ดเตล็ดเท่ากับ 300.9% โดยสาเหตุที่อัตราความเสียหายของการประกันภัยเบ็ดเตล็ดสูงขึ้นมากนั้นเป็นเพราะรวมความเสียหายของการประกันภัย COVID-19 ในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ที่มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสูงมาก

        ในส่วนของโครงการประกันภัยพืชผล ปีการผลิต 2564 ที่กำลังจะสรุปปิดโครงการนั้น มีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม 3,823.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 1.5% ของเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวมทั้งหมดของการประกันภัยทุกประเภท โดยเป็นเบี้ยประกันภัยข้าวนาปี 3,568.4 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 255.3 ล้านบาท ส่วนอัตราความเสียหายของการประกันภัยข้าวนาปีนั้นเท่ากับ 47.8% ในขณะที่อัตราความเสียหายของการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เท่ากับ 22.5% ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาไม่มีความเสียหายขนาดใหญ่หรือความเสียหายในวงกว้างเกิดขึ้นมากนักกับแปลงเพาะปลูกที่เอาประกันภัยในโครงการฯ


คลิปวิดีโอ