TGE เครื่องร้อน! เดินหน้าลุยสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชน 4 แห่ง คาดเริ่มทยอย COD ในปี 69 ฟากซีอีโอ “สืบตระกูล บินเทพ” ประกาศ เดินหน้ารุกตลาดคาร์บอนเครดิต สร้างรายได้ใหม่ให้กลุ่มบริษัทในระยะยาว หนุนอนาคตเติบโตยั่งยืน โชว์ผลงานปี 67 กำไรพุ่งแตะ 254.1 ล้านบาท
นายสืบตระกูล บินเทพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (TGE) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทฯ ให้ความสำคัญสูงสุดกับการสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชน เฟส 1 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนในพื้นที่ 1.จังหวัดชุมพร 2.จังหวัดราชบุรี 3.จังหวัดสระแก้ว และ 4.จังหวัดชัยนาท คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมทยอยจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2569 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัท TGE ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาดเพื่อร่วมดูแลชุมชน และสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น พร้อมกับสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ ผ่านการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในทุกรูปแบบ เพื่อสนับสนุนให้รายได้ปีนี้ปรับตัวขึ้นตามเป้าหมายที่ได้วางไว้
“นอกจากการเร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชนแล้ว ในปีนี้บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับตลาดคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และจะสร้างรายได้กับกลุ่มบริษัทฯ ในระยะยาว ล่าสุด TGE มีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองแล้ว 2.2 แสนตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2568 เป็นต้นไป” นายสืบตระกูล กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานประจำปี 2567 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 971.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.3% และมีกำไรสุทธิ 251.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8% จากปีก่อน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการรับรู้รายได้จากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 2 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 7.0 เมกะวัตต์ ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 มีระยะเวลาสัญญา 5 ปี เข้ามาเสริมรายได้จากธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าจากชีวมวล และคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลรวมจำนวน 8 ล้านบาท ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568
ด้านโรงไฟฟ้าจากชีวมวลปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวม 29.7 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย 3 โครงการภายใต้การดำเนินงานของ 3 บริษัท ได้แก่ TGE TPG และ TBP ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามสัญญา PPA รวม 20.3 เมกะวัตต์ โดยจะเน้นเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง