กลุ่มธนชาต เข้าชิงส่วนแบ่งตลาดนายหน้าประกันมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท หลัง ทุนธนชาต (TCAP) เข้าถือหุ้นใน ที เอ็ม โบรคเกอร์ 100% พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ที โบรคเกอร์” เสร็จสมบูรณ์ เสริมสร้างความมั่นคงแข็งแกร่งด้านเงินทุนเพิ่มความมั่นใจให้คู่ค้าและผู้ใช้บริการ พร้อมใช้ศักยภาพและความชำนาญด้านธุรกิจการเงินของกลุ่มธนชาตเข้ามาบริหารจัดการ และดำเนินธุรกิจเชิงรุกด้วยยุทธศาสตร์สร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรรายใหญ่และนายหน้าอิสระรายย่อย พร้อมตั้งเป้าโตแบบก้าวกระโดด โดยปี 66 จะสร้างเบี้ยรับ 1,100 ล้านบาท โต 100% พร้อมขึ้นเป็น Top 10 ภายใน 3 ปี
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน บริษัท ที เอ็ม โบรคเกอร์ จำกัด เป็น 100% และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท ที โบรคเกอร์ จำกัด” เสร็จสมบูรณ์แล้ว การที่ “ที โบรคเกอร์ ” มี TCAP ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธนชาตกลุ่มธุรกิจการเงินครบวงจร เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทำให้ ที โบรคเกอร์ มีความมั่นคงแข็งแกร่งด้านเงินทุนและสามารถเพิ่มศักยภาพในการบริหารงานให้ผู้ใช้บริการมีความมั่นใจได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ที โบรคเกอร์ ยังเข้ามาเติมเต็มทำให้ธนชาตเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินครบวงจรยิ่งขึ้น เพราะมีการดำเนินธุรกิจการเงินที่หลากหลาย ทั้งธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจประกันภัย/ประกันชีวิต ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจการให้สินเชื่อที่มีหลักประกัน ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ธุรกิจนายหน้าประกัน รวมถึงการลงทุนในธุรกิจธนาคารพาณิยช์ด้วยการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารทหารไทยธนชาต (ttb) โดย TCAP มีนโยบายในการสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทลูกทุกบริษัทให้มีฐานะการเงินที่มั่นคง เพื่อพร้อมสำหรับการขยายเครือข่ายและดำเนินธุรกิจเชิงรุกของแต่ละบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านอีกด้วย
นางสาวสุวิมล บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที โบรคเกอร์ จำกัด กล่าวว่า หลังจาก ที โบรคเกอร์ เข้ามาอยู่ภายใต้กลุ่มธนชาต ทำให้บริษัทฯ มีความมั่นคงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และจะดำเนินธุรกิจเชิงรุกมากขึ้น โดยในธุรกิจนายหน้าประกันที่มีมูลค่าตลาดกว่า 10,000 ล้านบาท บริษัทพร้อมที่จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจการเงินของกลุ่ม ธนชาตเข้ามาบริหารจัดการขยายธุรกิจในเชิงรุกมากขึ้น โดยที่ผ่านมาหลังจากบริษัทฯ ได้เปิดดำเนินธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาผลิตภัณฑ์ประกันภัย และประกันชีวิตมาประมาณ 5 ปี บริษัทฯ ประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานเป็นอย่างดี โดยเฉพาะธุรกิจนายหน้าประกันภัยมีอัตราการเติบโตปีละประมาณ 30% มาทุกปี
โดยบริษัทใช้กลยุทธ์ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรรายใหญ่ซึ่งให้การสนับสนุนด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์ประกันให้กับบริษัทด้วยดีเสมอมา ซึ่งพันธมิตรส่วนนี้มีอยู่ประมาณ 30 บริษัท เช่น บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัทประกันภัย ประกันชีวิตชั้นนำ หลากหลายบริษัท เช่น บริษัท ที ไลฟ์ ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) รวมถึงการใช้กลยุทธ์นายหน้าอิสระมาช่วยสนับสนุนการขายผลิตภัณฑ์ซึ่งมีอีกประมาณ 5,000 ราย ในส่วนของธุรกิจนายหน้าประกันชิวิต บริษัทก็กำลังเติบโตไปได้ด้วยดีซึ่งมาจากความเชี่ยวชาญของบุคลากรของบริษัทฯ ที่มีศักยภาพและมีสัมพันธภาพที่ดีกับเหล่านายหน้าประกันภัยที่ ทำธุรกิจกับบริษัทฯ มาก่อน รวมถึงการไปสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่านายหน้าประกันชีวิตที่มีครอบคลุมอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งบริษัทฯ จะใช้ช่องทางนายหน้าอิสระเหล่านี้ในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจให้ลูกค้าต่อไป
ทางด้านนางสาวชนิตา ขยันตรวจ กรรมการผู้จัดการ ที โบรคเกอร์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะสร้างการเติบโต ทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อย้อนไป 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถสร้างเบี้ยรับได้เริ่มต้นอยู่ที่ประมาณปีละ 100 ล้านบาท และเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่าปีละ 50% และปัจจุบันมีเบี้ยรับรวมกันอยู่ประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูง มากสำหรับบริษัทที่ตั้งได้มาประมาณ 5 ปี และจากนี้ไปบริษัทจะเร่งในการหาพันธมิตรรายใหญ่ๆ มาเพื่อขยายธุรกิจเพิ่มเติม รวมถึงยังมีแผนในการเจาะกลุ่มลูกค้าองค์กร จากปัจจุบันที่เน้นการขายเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายย่อย ตลอดจนการ เร่งสรรหาเหล่านายหน้ามาสนับสนุนการขายมาให้ได้อีกประมาณ 10,000 คน เพื่อให้บริษัทสามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งจากความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งในด้านความแข็งแกร่งจากการเป็นบริษัทในกลุ่มธนชาต การ สนับสนุนจากพันธมิตรายใหญ่ การมีนายหน้าสนับสนุนการขายทั่วประเทศ รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ที่ครบถ้วน นับจากนี้ไปบริษัทจึงตั้งเป้าจะมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดดในทุกปี สำหรับในปี 2566 นี้ บริษัทตั้งเป้ามีเบี้ย ประกันภัยรับรวม 1,100 ล้านบาท เติบโต 100% จากปีที่ผ่านมา และคาดว่าบริษัทจะสามารถขึ้นเป็น 1 ใน 10 บริษัทผู้นำในธุรกิจนายหน้าประกันได้ภายใน 3 ปี อย่างแน่นอน