วันเสาร์ ที่ 21 กันยายน 2567 13:33น.

พาท่อง”ตลาดต้องชม”ริมถนนพหลโยธิน จาก”ตลาดต้าน้ำโบราณ”สระบุรีสู่”ท่าเรือคลองคาง”ปากน้ำโพ 

29 ธันวาคม 2022

        ปีใหม่นี้ (2566) ใครมีโอกาสเดินทางสัญจรผ่านเส้นทางหลวงหมายเลข1ถนน พหลโยธิน ต้องห้ามพลาด”ตลาดต้องชม”ตามรายทางเป็นหมุดหมายที่”กรมการค้า ภายในหรือคน.”กำหนดให้ประชาชนได้แวะพักจับจ่ายใช้สอยสินค้า ผลิตภัณฑ์เด่นฝีมือชาวบ้าน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566

        180 ตลาดทั่วไทยถูกคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ โดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดให้บริการพิเศษช่วงเทศกาลระหว่าง 24 ธันวาคม 2565 – 8 มกราคม 2566 เพื่อให้นักเดินทางท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสแวะพักระหว่างทาง ได้จับจ่ายใช้สอยของดีของเด่นในตลาดเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในช่วงนี้

        เริ่มกันที่”ตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล” ต.ต้นตาล อ.เสาไห้ จ.สระบุรี เป็นตลาดเก่าแก่ของกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ยวนสระบุรี ที่อพยพมาจากเมืองเชียงแสนเมื่อกว่า 200 ปีก่อนมาตั้งรกรากอยู่ที่สระบุรีจนถึงทุกวันนี้

        จากกรุงเทพฯใช้เส้นทางบายพาสถนนเลี่ยงเมืองสระบุรีไปยังจ.ลพบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าอ.เสาไห้ตามป้ายบอกทางประมาณ 5 กิโลเมตรจะเห็นโดมจั่วหลังใหญ่ริมถนนเป็นที่ตั้งของตลาด

        “เยือนถิ่นยวน จวนนุ่งซิ่น กิ๋นอาหารเมือง”ป้ายคำขวัญติดหราอยู่หน้าตลาด บ่งบอกถึงมนต์เสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวไท-ยวน ซึ่งทุกวันนี้ยังคงอนุรักษ์และสืบสานเอาไว้เป็นอย่างดี สัมผัสได้ถึงความน่ารักของเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ขายแต่งกายชุดพื้นเมือง

        “คำว่าต้าน้ำภาษาเหนือหมายถึงท่าน้ำ เพราะตัวตลาดตั้งอยู่ริมแม่น้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาล เป็นตลาดของชุมชนตั้งมา 10 กว่าปีแล้ว และเป็นตลาดต้องชมอันดับแรกของประเทศไทย ได้รางวัลตลาดต้องชมจากกรมการค้าภายในอันดับสองรองจากตลาดคูบัวราชบุรีเมื่อปี 2562 ” 

        ณัฐชลี รางวัลหลาย เจ้าของร้านผัดหมี่สูตรต้นตำรับไท-ยวนและผู้ประสานงานตลาดต้าน้ำโบราณบ้านต้นตาลบอกเล่าถึงความเป็นมาของตลาด โดยเธอย้ำว่าตลาดแห่งนี้นอกจากผ้าซิ่น ผลิตภัณฑ์เด่น ฝีมือการทอของชาวบ้านชาติพันธุ์ไท-ยวนที่หลากหลายเช่น ทอยกมุก ทอยกจกและทอลายขวางแล้ว ยังมีเมนูอาหารเด่น  อาทิ ผัดหมี่ไท-ยวน ขนมกง ที่ว่ากันว่าใครมาเยือนตลาดแห่งนี้ถ้าไม่ได้รับประทานผัดหมี่ไท-ยวนและขนมกงถือว่ามาไม่ถึงตลาด

        ถัดจากตลาดต้าน้ำโบราณฯไม่ไกลก็จะเป็น ตลาดหัวปลี ตลาดเกษตรสไตล์บ้าน ๆ ตั้งอยู่ในศูนย์โอท็อป คอมเพล็กซ์พุแค อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี บนเนื้อที่ 15 ไร่เศษ เป็นตลาดที่ชาวบ้านได้รวมตัวกันสร้างขึ้นมา โดยทุกคนช่วยกันทำ ช่วยกันดูแล ไม่มีการเก็บค่าที่ ทำให้บรรยากาศการมาเที่ยวชมตลาดแห่งนี้ดูเป็นกันเอง 

        จากสระบุรีข้ามมาที่จ.พระนครศรีอยุธยาเพื่อมากราบสักการะขอพรปีใหม่จากองค์หลวงปู่ทวด รูปปั้นสีทองอร่ามใหญ่ที่สุดในโลกที่”ตลาดหลวงปู่ทวด” ตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชียหลักกิโลเมตรที่44 ต.บ้านใหม่ อ.มหาราช เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต 

        วัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนามนายกอุ๊ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)บ้านใหม่และประธานคณะกรรมการบริหารตลาดหลวงปู่ทวดกล่าวถึงไฮไลท์ตลาดแห่งนี้สำหรับนักท่องเที่ยว ประชาชนและคนเดินทางมักจะแวะที่มากราบไหว้สักการะองค์หลวงปู่ทวดเพื่อเป็นสิริมงคลเป็นอันแรก จากนั้นก็เดินชมตลาด จับจ่ายใช้สอยสินค้าที่มีหลากหลายที่ขึ้นชื่อของจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นมีด อรัญญิก โรตีสายไหม  ปลาตากแห้ง ปลากกรอบ นอกจากนี้ยังมีสินค้าเด่นอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะขนมทุกอย่างจะทำสดใหม่วันต่อวันและมีการสาธิตวิธีการทำให้ดูด้วย

        “ปกติตลาดจะเปิดทุกวันไม่มีวันหยุด ช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้ใครมาเที่ยวซื้อของในตลาดจะมีโปรโมชั่นด้วย ซื้อสินค้าครบ 100 บาทแถมเหรียญหลวงปู่ทวด 1 องค์ ก็อยากเชิญชวนให้ทุกคนมาเที่ยวกันครับ”นายกฯอุ๊กล่าวเชิญชวน พร้อมกล่าวขอบคุณกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ที่ให้โอกาสกับตลาดหลวงปู่ทวดในฐานะตลาดต้องชม โดยเข้ามาให้การสนับสนุนจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ มีกิจกรรมร่วมกับตลาดตลอดทั้งปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาลสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าปีใหม่ สงกรานต์หรืองานวันลอยกระทง 

        ผ่านพระนครศรีอยุธยามาที่จ.อ่างทองเพื่อมาเดิน”ตลาดศาลเจ้าโรงทอง”ที่อ.วิเศษไชยชาญ  ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย ในอดีตเป็นเส้นทางเดินทัพและย่านการค้าสำคัญที่ผู้ใช้ขึ้นล่องระหว่างภาคเหนือ-กรุงเทพ เดิมมีชื่อว่า”ตลาดไผ่จำศีล” ก่อนเปลี่ยนชื่อมาเป็นตลาดศาลเจ้าโรงทองในปี 2420 และยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอวนอูและมีโรงทำทองรูปพรรณมีชื่อเสียงอยู่หลายเจ้า

        ภายในตลาดแบ่งเป็นตลาดเหนือ ตลาดกลางและตลาดใต้ ต่อมาได้มีถนนสาเอเชียตัดผ่าน ทำให้การขนส่งทางเรือลดความสำคัญส่งผลให้ตลาดศาลเจ้าโรงทองลดความสำคัญการกระจายสินค้าลง แต่ก็ยังมีบทบาทในฐานะตลาดท้องถิ่นที่ยังสืบสานวัฒนธรรมไทย-จีนตลอดมา

        นรินรัตน์ กิตติโชติธนะวัฒน์ ชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ใกล้ตลาดศาลเจ้าโรงทองมาหลายชั่วอายุคน และใช้บริการจับจ่ายใช้สอยสินค้าในตลาดแห่งนี้เป็นประจำได้สะท้อนเรื่องรางของตลาดแห่งนี้ไว้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะศาลเจ้ากวนอูที่ตั้งอยู่ท้ายริมแม่น้ำน้อย ถือเป็นที่เคารพสักการะของคนวิเศษไชยชาญและชาวอ่างทอง มีคนดัง คนใหญ่คนโตในบ้านเมืองแวะเวียนมาสักการะไม่ขาดสาย

        นอกจากนี้ท้ายตลาดยังมีเรือนไม้สองชั้นทรงโบราณทั้งสองฝั่งถนน มีประวัติความเป็นมายาวนาน กระทั่งเจอไฟไหม้ตลาดครั้งใหญ่เมื่อหลายปีก่อน ปัจจุบันบ้านดังกล่าวได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ยังคงอนุรักษ์แบบบ้านไว้เหมือนเดิม

        “ใครมาเที่ยวตลาดศาลเจ้าฯจะต้องซื้อขนมดอกลำเจียกที่ร้านทรงนิมิต ตรงหัวมุมตลาด เพราะมีที่นี่ที่เดียว เช่นเดียวกับขนมบ้าบิ่นป้าเปี๊ยก ทั้งสองอย่างเป็นขนมที่ขึ้นชื่อของตลาดฯ ที่ทุกคนจะต้องมาลองชิม แต่ส่วนใหญ่จะติดใจจนต้องซื้อกลับไปด้วย”ชาวบ้านคนเดิมกล่าว

        จากตลาดศาลเจ้าโรงทอง จ.อ่างทองมาต่อที่สิงห์บุรีมาดูวิถีชุมชนที่”ตลาดชุมชนบ้านพิกุลทอง” อ.เมืองสิงห์บุรี ที่เริ่มต้นจากอดีตเจ้าอาวาสวัดพิกุลทอง(หลวงพ่อแพ)ได้ให้ชาวบ้านนำผัก ผลไม้ที่ปลูกไว้เองมาจำหน่าย รวมถึงปลาตากแห้ง ปลาร้า ปลาส้มที่หมักด้วยวิธีโบราณที่สืบทอดกันมายาวนาในราคาที่ไม่แพง ถือเป็นสินค้ายอดนิยมของผู้มาใช้บริการตลาดแห่งนี้ตลอดมาจวบจนปัจจุบัน

        จากสิงห์บุรีมาที่”ตลาดท่าเรือคลองคาง”ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงในต.บึงเสนาท อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งเดิมเป็นท่าเรือเก่าแต่ถูกพัฒนามาเป็นตลาดวิถีชุมชนเพื่อคนในชุมชน มีจุดเด่นตรงวิวสวย มีสินค้าและอาหารที่หลากหลายท่ามกลางบรรยากาศสบาย ๆ ริมแม่น้ำ

        การก่อตั้งตลาดแห่งนี้เริ่มจากแนวคิดวัดคลองคาง นำโดยพระปลัดสุทัศน์ที่มีความ ประสงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้มีพื้นที่ประกอบอาชีพ จึงร่วมกันวางแผนกับสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฎนครสวรรค์ น้อมนำศาสตร์พระราชา มาพัฒนาชุมชนสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนตามรอยพระราชดำริ

        โดยจุดเด่นบึงเสนาทคือมีปลาชุกชุม มีพืชผักหลากหลาย ตลอดจนวิถีดั้งเดิมเป็นท่าเรือ ทางวัดจึงได้ร่วมกับชาวบ้านทำการพลิกฟื้นท่าเรือให้เป็นตลาดชุมชนเพื่อให้ คนในชุมชนมีอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ สร้างเศรษฐกิจที่ดีของชุมชน นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนในชุมชน ซึ่งตลาดแห่งนี้มีเมนูอาหารที่โดดเด่น เช่น ขนม ครกไส้แตก หมึกย่างท่าเรือ เมี่ยงปลาทู ผัดไทครูโคมทองและไอศกรีมโอ่ง 

        หมุดหมาย”ตลาดต้องชม” ใน 5 จังหวัด ตามเส้นทางหลวงหมายเลข1 ถนน พหลโยธิน จากกรุงเทพฯถึงนครสวรรค์ ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปักหมุดไว้เชิญชวนให้ทุกคนไปเยือนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566

        สนใจสามารถติตดามรายละเอียดกิจกรรม180 ตลาดที่เปิดให้บริการช่วงเทศกาลปีใหม่ระหว่าง 24 ธันวาคม 2565 ถึง 8 มกราคม 2566 ได้ที่เว็บไซต์: : www.dit.go.th Line Official “DIT GO” และ Facebook “กรมการค้าภายใน DIT”กระทรวงพาณิชย์


คลิปวิดีโอ