วันศุกร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 06:40น.

ขายบ้านและที่ดินให้ชาวต่างชาติ​ = “ขายชาติ”

7 พฤศจิกายน 2022

 

        มาตรการส่งเสริมชาวต่างชาติ​ เฉพาะกลุ่มให้มีสิทธิ์​ซื้อ​บ้าน+ที่ดินไม่เกิน​ 1 ไร่​ในเขตเมือง​ เริ่มร้อนแรง​ มีการถกเถียงกันมาก​ขึ้นๆ​ และระบุว่า​ คือ​ “ขายชาติ”

        เมื่อมีคนค้านมากๆเข้า​ก็มีคนเสนอให้หาทางถอยด้วยการปรับเปลี่ยนจากยอมให้ชาวต่างชาติ”ถือกรรมสิทธิ์” ​เป็น​”การเช่าระยะยาว” ไม่เกิน​30ปีแทน เพราะ​”การเช่า” จะเรียกว่า”ขาย” ไม่ได้

        ส่วนการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวระยะสั้นนั้น​ คนไทยเกือบทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ​ทำให้คนไทยมีงานทำมากขึ้น​มีรายได้ดีขึ้น.

        ขณะเดียวกัน​ คนไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร​ จึงรักผืนแผ่นดินมาก​ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้

        ความคิดดังกล่าวข้างต้น​ จาก​การขาย การเช่า​ระยะยาว​ และการท่องเที่ยวระยะสั้น​ สามกรณี​ ถ้านำมาประมวล​และเปรียบเทียบเป็นตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ​ จะเป็นดังนี้…

        ถ้ามีชาวต่างชาติจะแต่งงานกับ​คนไทยตลอดชีวิต​ และคนไทยยอมแต่งด้วย​ จะถูกสรุปว่า​”ขายชาติ”

        แต่ถ้าเขาขอแต่งงานด้วยระยะยาวไม่เกิน​30 ปี​ จะมีผู้รู้สึกว่า​น่าจะยอมรับได้

        แต่ถ้าเขาขอแต่งด้วยไม่กี่วัน​ โดยจ่ายค่าตอบแทนตามที่เราต้องการ​ เราก็ถือว่าไม่น่าจะเสียหายอะไร

กระนั้นหรือ?

        ถ้าชาวต่างชาติซื้อบ้าน+ที่ดิน​1ไร่ในราคา​40ล้านบาท​ จะเทียบเท่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาใช้จ่ายคนละ​50000 บาท​ 800 คน

        หรือถ้าซื้อคอนโดราคา​10 ล้านบาทจะเทียบเท่านักท่องเที่ยวที่ใช้จ่าย​5 หมื่นบาท​ 200 คน

        บางคนคิดว่า​การยินยอมให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินได้​ไม่เกิน​1 ไร่​จะก่อให้เกิดการเก็งกำไร​ทำให้ที่ดินราคาแพงจนคนไทยซื้อไม่ไหว​

        ที่จริง​ “การเก็งกำไร” นั้น​ประเทศไทยเราเปิดกว้างมานานแล้ว​ให้ชาวต่างชาติทั่วโลกเข้ามาลงทุน/เก็งกำไร​ในตลาดหลักทรัพย์​ โดยยกเว้นการเสียภาษีเงินได้​ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก​ อนึ่ง​การลงทุนในหุ้นหรือหลักทรัพย์​ ใช้เงินลงทุนเพียงหลักหมืนก็ทำได้​ อีกทั้งสภาพคล่องการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์​ก็สูงกว่าและดีกว่าอสังหา​ริมทรัพย์มาก​ กล่าวคือ​ ถ้าต้องการขายหลักทรัพย์​จะสามารถขายได้เกือบทุกวัน​ แต่ถ้าจะขายที่ดิน​ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาเป็นเดือน

        ดังนั้น​ชาวต่างชาติถ้าต้องการเก็งกำไรในประเทศไทย​เขามีทางเลือกที่ดีกว่าง่ายกว่าการเก็งกำไรที่ดิน​ ก็คือ​ตลาดหลักทรัพย์​ นั่นเอง​ หรืออาจจะหันไปเก็งกำไรเงินตราในสถานการณ์​ที่เอื้ออำนวย..

        ผมจึงไม่คิดว่า​ชาวต่างชาติจะแห่กันมาซื้อบ้าน+ที่ดินมากอย่างที่พวกเราหลายคนเป็นห่วง​เพราะตั้งแต่ถูกจำกัดด้วยคน​4 กลุ่มที่เป็นประโยชน์​ต่อเศรษฐกิจ​ซึ่งได้แก่​ผู้มีรายได้สูง​ คนเกษียณ​ ผู้เชี่ยวชาญ​ และผู้ที่ประสงพำนักเพื่อทำงาน

        ผมยังเชื่อว่าชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะนิยมซื้อคอนโดหรือห้องชุดที่ประเทศไทยเปิดโอกาสให้ซื้อได้มานานแล้ว​โดยจะซื้อมูลค่ากี่ร้อยล้านก็ได้โดยไม่จำกัดด้วยขนาดหรือราคาของห้องชุด​ เพียงแต่ต้องไม่เกินร้อยละ​49 ของแต่ละอาคารชุด​ ส่วนที่เหลือจะถือกรรมสิทธิ์​โดยคนไทยร้อยละ​51

        เหตุผลที่ชาวต่างชาติจะนิยมคอนโดมากกว่า​เพราะคอนโดมักมีทำเลใจกลางเมืองที่เดินทางสะดวกและใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆมากกว่า

        ถ้าพิจารณาให้ถ่องแท้แล้ว​ การส่งเสริมให้ชาวต่างชาติให้มาซื้อบ้านหรือคอนโดในประเทศไทย​ จะเปรียบเสมือนมาตรการยิงนกทีเดียวได้​ 3 ตัว​คือ.-

        1.เป็นการส่งเสริมการส่งออกโดยสินค้านั้นยังคงอยู่ในประเทศไทย

        2.เป็นการส่งเสริมการลงทุนที่เราได้เงินตราเข้าประเทศ​ กระตุ้นเศรษฐกิจ​ทำให้คนไทยมีรายได้ดีขึ้น

        3.เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างถาวร​เพราะเขาจะอยู่นานมากขึ้น​และมาบ่อยๆ​ ช่วงที่อยู่ก็ต้องจับจ่ายใช้สอยต่างๆ

        เมื่อชาวต่างชาติมาซื้อบ้านหรือคอนโด​แต่ละรายเทียบเท่านักท่องเที่ยวหลายร้อยคนแล้ว​การส่งเสริมให้อยู่ระยะยาวจะดีกว่าการส่งเสริมให้อยู่ระยะสั้นๆหรือไม่?

 

        ดร.ประทีป​ ตั้งมติธรรม


คลิปวิดีโอ