“สยามพิวรรธน์” กำหนดอัตราดอกเบี้ย Perpetual Bond ช่วง 5 ปีแรกที่ระดับ 5.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่กลุ่ม High Net Worth ระหว่างวันที่ 4-5 และ 8-9 สิงหาคมนี้ ชูศักยภาพการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ที่เติบโตแข็งแกร่งมาอย่างยาวนานตลอดระยะเวลา 63 ปี ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกที่มีชื่อเสียงระดับโลก
บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เปิดเผยว่า บริษัทตัดสินใจเสนอขาย Perpetual Bond ซึ่งเป็นหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน ไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด และมีสิทธิเลื่อนชำระดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ เหตุผลที่บริษัทเลือกหุ้นกู้ดังกล่าว เนื่องจาก 1) เป็นหุ้นกู้ชนิดที่บริษัทสามารถนับเป็นส่วนทุนได้ และ 2) มี Call option ซึ่งหมายถึง บริษัทมีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ได้เมื่อครบกำหนด 5 ปีเป็นต้นไป เหตุผลดังกล่าวช่วยเพิ่มความคล่องตัวให้กับบริษัทเมื่อบริษัทจัดอันดับเครดิตจะไม่นับ Perpetual Bond นี้เป็นส่วนทุนเมื่อสิ้นปีที่ 5 บริษัทเห็นว่า การนำเสนอตราสารทางการเงินนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ได้ลงทุนในตราสารคุณภาพผ่าน Perpetual Bond และเข้ามามีส่วนร่วมในความสำเร็จ ความแข็งแกร่งที่บริษัทซึ่งหมายถึงผู้ถือหุ้น ผู้บริหาร พนักงาน และหุ้นส่วนธุรกิจของเราได้ร่วมสร้างมาตลอด 63 ปี
บริษัทฯ กำหนดอัตราดอกเบี้ยในช่วง 5 ปีแรกไว้ที่ 5.50% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ โดยจะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 4-5 สิงหาคม และวันที่ 8-9 สิงหาคม 2565 จองซื้อขั้นต่ำ 1 ล้านบาท และทวีคูณของ 1 ล้านบาท
สยามพิวรรธน์ ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ “A-” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” (Stable) ขณะที่หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนนี้ ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่“BBB” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” (Stable) จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ซึ่งเป็นเครดิตเรทติ้งระดับ Investment Grade สะท้อนความน่าเชื่อถือและความแข็งแกร่งของสยามพิวรรธน์ในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านการเงิน การดำเนินธุรกิจ การมีทีมงาน ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนที่ทุ่มเทอย่างไม่มีขีดจำกัด การนำเสนอวิสัยทัศน์ในการสร้างเอกลักษณ์ที่แตกต่างเพื่อให้บริษัทเป็นที่หนึ่งในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้แก่ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพและทำให้บริษัทมีฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
ในส่วนฐานะทางการเงินของสยามพิวรรธน์ บริษัทมีสภาพคล่องแข็งแกร่ง และเน้นหนักการรักษาวินัยทางการเงิน โดยมีระดับอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นให้อยู่ในระดับเพียง 0.99 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 (ตามงบการเงินตรวจสอบแล้วของกิจการ) บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรและรักษาสภาพคล่องได้เป็นอย่างดีในช่วงวิกฤติ ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารอัตราการเช่าพื้นที่ได้ในระดับสูง การควบคุมต้นทุนอย่างเหมาะสม และการปรับตัวทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะใช้ชำระค่าสิทธิการเช่าที่ดิน และใช้ปรับปรุงศูนย์การค้าทั้งหมด เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจหลักตอบสนองต่อการใช้ชีวิตวิถีใหม่สู่อนาคต รวมทั้งขยายธุรกิจสู่ New Economy ในหลายประเภท ตลอดจนการสร้างดิจิทัลแพลตฟอร์มเชื่อมธุรกิจหลักเข้ากับธุรกิจใหม่ ๆ ร่วมกับพันธมิตรใน Ecosystem นอกจากนี้ ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของสยามพิวรรธน์ในการบริหารธุรกิจศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน และอาคารที่อยู่อาศัย จึงมีแผนจะขยายธุรกิจด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมในอีก 1-3 ปีข้างหน้าอีกด้วย
ทั้งนี้ หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ มีลักษณะอย่างหนึ่งที่คล้ายหุ้นบุริมสิทธิคือ เลื่อนจ่ายดอกเบี้ยได้ ดังนั้นผู้ลงทุนพิจารณาลงทุนในบริษัทที่มีความมั่นคง และความแข็งแกร่งทั้งผู้ถือหุ้น ฐานะการเงิน และความสามารถของทีมผู้บริหารของบริษัท เมื่อใดที่ผู้ลงทุนต้องการขายหุ้นกู้ดังกล่าว สามารถติดต่อธนาคาร และบริษัทหลักทรัพย์ได้ทุกแห่ง โดยราคาขายอาจจะทำให้ผู้ลงทุนกำไรหรือขาดทุน ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถอ้างอิงราคาตลาด (Mark to Market) จาก Website ของสมาคมตลาดตราสารหนี้ และควรแจ้งความจำนงในการขายล่วงหน้า เนื่องจากหุ้นกู้ทุกตัวจะต้องใช้ระยะเวลาในการขาย