วันอังคาร ที่ 24 กันยายน 2567 00:25น.

เอสจีเอสรุกขยายธุรกิจต่อเนื่อง ปรับแนวทางสู่ตลาดออฟไลน์-ออนไลน์

21 ตุลาคม 2022

        นางปราณี รุ้งมโนชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจีเอส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เอสจีเอสดำเนินธุรกิจทั่วโลกเป็นระยะเวลา 144 ปี และการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากกว่า 72 ปี โดยเป็นผู้นำในธุรกิจ TIC (Testing, Inspection, Certification) เอสจีเอสได้รับการยอมรับในระดับ Global Benchmark ด้านคุณภาพและความซื่อสัตย์เราเป็นเสมือนหุ้นส่วนทางธุรกิจที่ครอบคลุมการให้บริการในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับ Connectivity & Product, Health & Nutrition, Industrial & Environment และ Natural resources นอกจากนี้

        เอสจีเอสยังมีบริการด้าน Business Solutions ได้แก่ Knowledge Solutions, Digital Solutions และ Sustainability Solutions ไม่ว่าลูกค้าต้องการบริการด้านใด ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน หรือไม่ว่าคุณจะอยู่ในภาคส่วนธุรกิจใด ผู้เชี่ยวชาญของเอสจีเอสสามารถนำเสนอ Special Solutions เพื่อให้ลูกค้าเร็วกว่า ง่ายกว่า และมีประสิทธิภาพมากกว่า”

        ธุรกิจหลักของบริษัทยังคงความเป็น TIC และขณะเดียวกันก็มีบริการด้าน Consultancy และ Training เอสจีเอสมีเป้าหมายที่ชัดเจนในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพห้องแลปของบริษัทฯ ในกรุงเทพฯ ให้เป็น Testing Hub รองรับการบริการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทดสอบอาหารและสินค้าอื่นในระดับภูมิภาค การขยายกำลังการบริการห้องแลปทดสอบเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และ สินค้าอุปโภคบริโภค การขยายห้องแลปจุลชีวะเพื่อทดสอบอาหาร การลงทุนด้านห้องแลปที่นิคมอมตะซิตี้ ชลบุรี ด้านการทดสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า แอร์ ตู้เย็น อื่นๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวอุตสาหกรรมในประเทศ การพัฒนา Knowledge Solutions ใหม่ๆ อาทิ ด้าน IT และ International Regulation ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายบริการที่สนับสนุนลูกค้าเกี่ยวกับบริการด้าน Sustainability เพื่อสนับสนุนลูกค้าที่ต้องการพัฒนาสู่ธุรกิจที่ยั่งยืน

        นางปราณี ยังกล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์โควิด 19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เอสจีเอสได้ปรับเปลี่ยนแนวทางบริหารงานสู่การตลาดแบบออฟไลน์และออนไลน์เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว โดยนำเอานวัตกรรมเข้ามาปรับใช้ในการทำงานเพื่อให้งานมีคุณภาพมากขึ้น รวดเร็วขึ้น การพัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ นำมาให้บริการกับลูกค้า การปรับปรุงพัฒนาขั้นตอนการปฏิบัติงานภายในองค์กรอย่างต่อเนื่องโดยนำร่องโครงการ World Class Services (WCS) ที่ห้องแลปของบริษัทฯ เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ ในทุกๆ ด้าน จะส่งผลโดยตรงต่อการส่งมอบผลงานที่ความพึงพอใจสูงสุดต่อลูกค้า

        ทั้งนี้มองว่าปัจจุบันสถานการณ์ต่างเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัว จากการเปิดประเทศ และการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ มากขึ้น ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้คล่องตัว ในขณะที่เศรษฐกิจโลกเองแม้ว่าจะยังมีปัจจัยลบอยู่ไม่ว่าจะเป็น ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่กระทบกับซัพพลายรวมไปถึงราคาน้ำมันที่ยังคงผันผวนซึ่งกระทบกับดีมานด์ แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของบริษัทแม้ว่าจะได้รับผลกระทบแต่ก็ไม่มากเนื่องจากว่าบริษัทมีการทำธุรกิจที่หลากหลาย และมั่นใจว่าในปีหน้าเศรษฐกิจจะกลับมาดีกว่าปีนี้

        “เรามองและคาดหวังว่า ในปีนี้ธุรกิจของเอสจีเอสจะขยายตัวมากกว่า 7% ทำให้ในปีหน้าก็ยังน่าจะขยายตัวไม่น้อยกว่าปีนี้จากอานิสงส์จากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ ซึ่งแผนการลงทุนในปีนี้ บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ในการทำขยายห้องแล็บในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) และในพื้นที่พระราม 3 เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจต่อไป ”นางปราณี กล่าวทิ้งท้าย


คลิปวิดีโอ