“แกรนด์ ไซโก” (Grand Seiko ) แบรนด์นาฬิการะดับลักชัวรีจากประเทศญี่ปุ่น เดินหน้าสร้างปรากฏการณ์ให้กับคนรักนาฬิกาและนักสะสมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้วยมาตรฐานด้านความเที่ยงตรง ความทนทาน และความสง่างามระดับโลก ล่าสุด เปิดตัวนาฬิกา ลิมิเต็ด อิดิชั่น 3 รุ่นไฮไลท์เด่น เป็นครั้งแรก ได้แก่ รุ่น ‘Koke-iro’ (โคเค-อิโระ) หรือ Green Moss, รุ่น ‘Nami’ (นามิ) หรือ Suwa Wave และ รุ่น ‘Hikari’ (ฮิคาริ) หรือ Golden Light ผลิตเพียงรุ่นละ 100 เรือน ซึ่งมีวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่ตอกย้ำความสำเร็จของแบรนด์ แกรนด์ ไซโก ในประเทศไทยได้อย่างชัดเจน
มร.อากิระ ซากาอิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซโก ประเทศไทย กล่าวว่า “แกรนด์ ไซโก ถือเป็นหนึ่งในเรือนเวลาชั้นสูง ที่มีความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศเต็มไปด้วยความท้าทายในการสร้างสรรค์และมีการพัฒนาออกแบบนาฬิกาหลากหลายคอลเลกชั่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Nature of Time ผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับดีไซน์ เช่น คอลเลกชั่น Elegance ที่มีความคลาสสิค หรูหรา เหมาะแก่การสวมใส่ทุกวัน คอลเลกชั่น Heritage ซึ่งเป็นหัวใจในนิยามการออกแบบของ แกรนด์ ไซโก พร้อมถ่ายทอดผลงานการขัดแต่งตัวเรือนอย่างปราณีตที่สืบทอดอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1967 สะท้อนให้เห็นสุนทรียศาสตร์และกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นของแบรนด์ในแบบที่ไม่เหมือนใคร คอลเลกชั่น Sport ที่เน้นความหรูหราและความทนทานต่อการใช้งาน และคอลเลกชั่น Evolution 9 (เอโวลูชั่น ไนน์) ผู้เป็นตัวแทนแห่งอนาคตของ Grand Seiko โดยได้นำดีไซน์แบบ Grand Seiko Style (แกรนด์ ไซโก สไตล์) มาเป็นพื้นฐานในการออกแบบได้อย่างลงตัว พร้อมยังคงยึดถือหัวใจสำคัญของทุกองค์ประกอบในการรังสรรค์นาฬิกาทุกเรือนที่ถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน เน้นฝีมือความประณีต และใส่ใจในทุกรายละเอียด มีทั้งความแม่นยำ ความทนทาน ความชัดเจน และดีไซน์ที่สวยงาม โดยทุกเรือนได้รับแรงบันดาลใจจากการผสานความเป็นธรรมชาติถ่ายทอดลงบนหน้าปัดอันแสนงดงาม เพื่อให้นาฬิกาเป็นเครื่องบอกเวลาที่มีเรื่องราวและมีคุณค่า สะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่”
สำหรับไฮไลท์ของแกรนด์ ไซโก ลิมิเต็ด เอดิชั่น 3 รุ่น ประกอบด้วย รุ่น SBGH303 : Koke-iro (โคเค-อิโระ) หรือ Green Moss ขับเคลื่อนด้วยกลไก Hi-beat เดินด้วยความถี่ 36,000 รอบต่อชั่วโมงที่มีหน้าปัดแบบ “Kiratsuri” สื่อถึงป่าอันอุดมสมบูรณ์ และ หน้าปัดได้รับแรงบันดาลใจจากแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ตกกระทบลงบนมอสที่ขึ้นปกคลุมพื้นป่า “ชิซูคุอิชิ”( Shizukishi ) อันเป็นที่ตั้งของ Grand Seiko Studio Shizukuishi สตูดิโอที่ซึ่งนาฬิกาแกรนด์ ไซโก กลไก mechanical ทุกเรือนที่ถูกรังสรรค์ขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ตามแนวคิด Nature of time ของแบรนด์ เชื่อมกับแนวคิด “วาบิซาบิ” เป็นปรัชญาอันมีจุดกำเนิดที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อราวๆ ศตวรรษที่ 15 โดยปรัชญานี้มีแนวคิดมุ่งเน้นให้หาความสุขด้วยการยอมรับความไม่สมบูรณ์แบบ หรือการมีตำหนิ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งของ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความไม่สมบูรณ์แบบในตัวเองทั้งสิ้น ทำให้พบคุณค่าในการแสดงความงามมากยิ่งขึ้นบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนนี้
รุ่น SBGY021 : Nami (นามิ) หรือ Suwa Wave เป็นเรือนบอกเวลาส่งต่อความงดงามของผิวน้ำ ถ่ายทอดออกมาเป็นหน้าปัดลวดลายคลื่นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากทะเลสาปซุวะ ที่แสงอาทิตย์ตกกระทบในยามเย็น ถ่ายทอดความงามของธรรมชาติได้อย่างน่าประทับใจ
รุ่น SBGY025 : Hikari (ฮิคาริ) หรือ Golden Light ที่มีรูปแบบหน้าปัดอันคุ้นตา“Iwate Dial” ถูกนำมาตีความใหม่ เพื่อใช้พรรณนาความงดงามของแสงอาทิตย์สีทองสุดท้ายในยามเย็นที่ลอดผ่านปุยเมฆ กระทบบนผิวน้ำ เหนือทะเลสาบซุวะในช่วงพลบค่ำ
ความพิเศษอีกอย่างของรุ่น SBGY021 : Nami (นามิ) และ SBGY025 : Hikari (ฮิคาริ) คือครั้งแรกที่ใช้กลไก manual winding Spring Drive cal.9R31 ที่มีความบางเป็นพิเศษด้วยระบบ Dual-main spring ที่ช่วยรักษาพลังงานสำรองที่ 72 ชั่วโมงไว้อย่างดีเยี่ยม
การสร้างสรรค์เรือนนาฬิกาด้วยความปราณีตละเอียดอ่อน สื่อถึงอัตลักษณ์อันเต็มเปี่ยมของความเป็นญี่ปุ่นที่มีความตั้งใจถ่ายทอดความงามของธรรมชาติให้ตราตรึงอยู่ในเรือนเวลาสุดพิเศษ แทนคำขอบคุณจากใจที่คนไทยให้การสนับสนุนแกรนด์ ไซโกอย่างดีเสมอมา
แกรนด์ ไซโก 3 รุ่นเป็นคอลเลกชั่น ลิมิเต็ด เอดิชั่น ผลิตเพียงรุ่นละ 100 เรือนเท่านั้น โดยฝาหลังระบุ “ 1 of 100” รุ่น SBGH303 (Koke-iro) ราคา 259,900 บาท รุ่น SBGY021 (Nami) ราคา 345,900 บาท และรุ่น SBGY025 (Hikari) ราคา 345,900บาท สามารถร่วมสัมผัสและเป็นเจ้าของได้แล้วตั้งแต่วันนี้