นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC เปิดเผยผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาว่า ด้วยพอร์ตแนวราบที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทเติบโตทำนิวไฮ ทั้งยอดขายรวมและยอดขายแนวราบ รวมถึงรายได้จากโครงการแนวราบ ซึ่งมาจากปัจจัยหลัก คือ ความเชื่อมั่นในแบรนด์ SC และการส่งมอบสินค้าและบริการคุณภาพมาตรฐานสูงที่ทำให้มีการตอบรับที่ดีในทุกระดับราคา ส่งผลให้บริษัทมียอดขายรวม 16,082 ล้านบาท เติบโต 30% (YoY) โดยสัดส่วนหลักกว่า 80% มาจากยอดขายแนวราบ 13,268 ล้านบาท เติบโต 17% (YoY) และเป็นสถิติยอดขายสูงสุดของ 9 เดือน ซึ่งกลุ่มสินค้าหลัก ได้แก่ บ้านราคามากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป เติบโต 37% (YoY) และมียอดขายแนวสูง 2,814 ล้านบาท เติบโต 172% (YoY) ขณะที่รายได้รวม 9 เดือน เท่ากับ 13,464 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการดำเนินงาน 13,446 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการขาย 95% และอีก 5% เป็นรายได้ค่าเช่าและบริการ มีกำไรสุทธิ 1,481 ล้านบาท คิดเป็น 11% ของรายได้จากการดำเนินงาน
โดยภาพรวมสถานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทและบริษัทในเครือมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวม เท่ากับ 47,412 ล้านบาท และ 27,965 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เท่ากับ 1.44 เท่า มูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 4.64 บาท พร้อมกับช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ได้เปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,750 ล้านบาท เป็นบ้านสไตล์โมเดิร์น แบรนด์ใหม่ ‘เวนิว ไอดี’ รองรับกลุ่มเป้าหมายคน Gen Y โดยที่ผ่านมาได้เปิดโครงการเวนิว ไอดี พระราม 5 พื้นที่กว่า 12 ไร่ จำนวน 66 ยูนิต เริ่มต้น 7 ล้านบาท และจะเปิดอีกแห่ง โครงการเวนิว ไอดี เวสต์เกต มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท พื้นที่กว่า 42 ไร่ จำนวน 189 ยูนิต เริ่มต้น 5.59 ล้านบาท บนทำเลบางใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง และเซ็นทรัล พลาซ่า เวสต์เกต เปิดจองครั้งแรกวันที่ 20-21พ.ย. นี้
ทั้งนี้ภายใต้การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนและภารกิจหลักเพื่อสร้างเช้าที่ดีเพื่อลูกค้าทุกคน ปีนี้บริษัทได้รับรางวัล Thailand Sustainability Investment (THSI) และเป็นหุ้นยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเป็น 1 ในจำนวน 146 บริษัทจดทะเบียนที่ผ่านการคัดเลือกรายชื่อหุ้นยั่งยืน ถือเป็นความภาคภูมิใจสำหรับบริษัทในการดำเนินธุรกิจโดยผนวกการขับเคลื่อนความยั่งยืนในการบริหารจัดการธุรกิจภายใต้หลักบรรษัทภิบาล โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคม
นายอรรถพล กล่าวว่า “ในไตรมาส 4 บริษัทจะมีโครงการเพื่อขายรวม 53 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 32,800 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 44 โครงการ และ โครงการคอนโด 9 โครงการ พร้อมกับ Backlog รอโอนเกือบ 9,000 ล้านบาทซึ่งคาดว่าประมาณ 50% สามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ มั่นใจว่าไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะทำได้สำเร็จตามเป้าหมาย”