แสนสิริ โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก 66 กำไรสุทธิ 3,203 ล้านบาท โตก้าวกระโดดถึง 162% จากรอบเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไรสุทธิ 17.3% ของรายได้รวม โตขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 9.3% โดยมีกำไรสุทธิเฉพาะไตรมาส 2 อยู่ที่ 1,621 ล้านบาท โต 77% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาขณะที่กวาดรายได้รวมครึ่งปี 18,493 ล้านบาท โต 42% จากรอบ 6 เดือนของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้รวมไตรมาสแรก 8,505 ล้านบาท และรายได้รวมไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 9,988 ล้านบาท โต 27% พร้อมรุกต่อครึ่งปีหลัง เปิด 39 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 56,700 ล้านบาท และพร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD 28 ส.ค. นี้
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ผลประกอบการรอบ 6 เดือน ปี 2566 แสนสิริมีกำไรสุทธิ 3,203 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดไปถึง 162% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ เฉพาะไตรมาสที่ 2/66 อยู่ที่ 1,621 ล้านบาท โตขึ้น 77% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา อัตรากำไรสุทธิรอบ 6 เดือนสูงถึง 17.3% ของรายได้รวม ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจากอัตรากำไรสุทธิ 9.3% ของรายได้รวมจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่รายได้รวมรอบ 6 เดือน อยู่ที่ 18,493 ล้านบาท โตขึ้น 42% จากรอบ 6 เดือนของปีก่อน แบ่งเป็นรายได้รวมในช่วงไตรมาสแรก 8,505 ล้านบาท และรายได้รวมไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 9,988 ล้านบาท โต 27% ผลงานมาจากรายได้จากการขายโครงการที่โดดเด่นในทุกกลุ่มที่อยู่อาศัย ส่งผลให้เติบโตทั้งในรอบ 6 เดือนและรายไตรมาส ผลงานความสำเร็จ มาจากการได้รับการตอบรับที่ดีในโครงการแนวราบครอบคลุมทุกเซกเมนต์ อาทิ นาราสิริ พหล – วัชรพล บ้านเดี่ยวระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี ที่ทำยอดขายดีเกินคาด และ เศรษฐสิริ ดอนเมือง โครงการแรกจากการรุกแบรนด์บ้านเดี่ยว “เศรษฐสิริ” 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 21,900 ล้านบาทในปีนี้ ที่ทำผลงานการเริ่มต้นการรุกแบรนด์ได้ดี ครอบคลุมไปถึง บ้านเดี่ยวหลังแรกของครอบครัวภายใต้แบรนด์สราญสิริ โครงการสราญสิริ ราชพฤกษ์ – 345 ระดับราคา 5 – 10 ล้านบาท ที่กลุ่มลูกค้าให้การตอบรับที่ดีเช่นกัน นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในรอบครึ่งปี ยังมาจากโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ Ready to Move ที่ได้รับการตอบรับที่ดีและเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีของตลาดคอนโดมีเนียม จากการที่คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่นับเป็นตัวชี้วัดที่ดีในตลาด Real Demand เนื่องจากกลุ่มลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่า โดยคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในทุกเซกเมนต์เช่นเดียวกัน อาทิ โครงการเอ็กซ์ที พญาไท, เอ็กซ์ที ห้วยขวาง, โอกะ เฮาส์, เดอะ เบส เพชรบุรี – ทองหล่อ, ดีคอนโด พนา และ เดอะ มูฟ บางนา เป็นต้น
นอกจากนี้ แสนสิริยังมีผลงานยอดขายที่โดดเด่น โดยล่าสุดสร้างยอดขายรวมไปได้ถึง 27,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 50% จากเป้าหมายยอดขาย 55,000 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลัง แสนสิริยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 39 โครงการ มูลค่ารวม 56,700 ล้านบาท ไฮไลท์โครงการที่เตรียมเปิดตัวในไตรมาส 3 อาทิ “บูก้าน พัฒนาการ” บ้านเดี่ยวรูปแบบ Luxury Private Villa ที่มาพร้อมฟังก์ชันพิเศษ ในสังคมคุณภาพเพียง 17 ยูนิต ราคา 65 – 115 ล้านบาท* เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายเดือนกันยายน และการเปิดตัว New Luxury Condominium หนึ่งในโครงการไฮไลท์ของแสนสิริในปีนี้ ทำเล “ราชเทวี” จ่อคิวเปิดตัวเดือนสิงหาคมนี้
“แสนสิริยังมุ่งเดินหน้าสร้างรายได้และผลกำไรเพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วนรวมถึงผู้ถือหุ้น โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (Interim dividend) จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2566 ซึ่งเป็นที่น่าพึงพอใจ ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 สิงหาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 12 กันยายน 2566 นี้ โดยการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการที่ดีของแสนสิริในอนาคต” นายวิชาญ กล่าว