แสนสิริ ผนึก ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จับมือเขย่าวงการอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจ EV Charging สร้างการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม สู่การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน นำเทรนด์ติดตั้ง EV Charging โครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวสูง-แนวราบ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการที่อยู่อาศัย ตั้งเป้าความร่วมมือติดตั้งเครื่องชาร์จ EV รวม 1,500 เครื่องภายใน 3 ปี ครอบคลุมทุกโครงการของแสนสิริ ทั้งคอนโดและโครงการแนวราบ เซ็กเมนต์บีขึ้นไป
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า นับจากปี 2561 ที่แสนสิริได้กำหนดเป้าหมายในการทำธุรกิจเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วย ‘Sansiri Green Mission’ กับเป้าหมาย 3 ปีในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์เฉลี่ย 2,120 ตัน หรือเทียบเท่าป่าสีเขียวกว่า 1,700 ไร่ จากการมุ่งมั่นทุ่มเทจึงทำให้สามารถพิชิตเป้าหมายได้ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งปี และจะยังคงสานต่อนโยบายนี้ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ภายใต้โปรเจ็กต์ Sansiri Sustainability Mission ภายใต้แก่น Better Care for Environment นั่นคือ ต้องการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นให้กับลูกบ้านและสังคมโดยรวม โดยโฟกัสในเรื่อง Energy & Well-being ตั้งแต่ก่อสร้าง ส่งต่อถึงช่วงการอยู่อาศัย โดยเฉพาะการเป็นผู้นำในการติดตั้งเครื่องชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging) ให้กับบ้านในโครงการของแสนสิริเพื่อสร้างมาตรฐานการอยู่อาศัยเพื่อสิ่งแวดล้อมในสังคม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่มาตรฐานใหม่ของแสนสิรินี้ สอดคล้องกับเทรนด์ของโลกที่จะขับเคลื่อนด้วย EV ดังจะเห็นได้จาก business-standard.com ได้เผยข้อมูลว่าอังกฤษเป็นประเทศแรกที่จะมีกฎหมายกำหนดให้บ้านและสำนักงานที่สร้างใหม่ต้องมีการติดตั้งเครื่องชาร์จ EV และคาดว่าจะบังคับใช้ภายในปี 2565 เพื่อสร้างความมั่นใจให้ชาวอังกฤษเปลี่ยนไปใช้รถ EV ได้อย่างไม่มีสะดุด หลังจากที่อังกฤษประกาศห้ามจำหน่ายรถยนต์สันดาปในปี 2573
จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก ในปี 2562 แสนสิริ จึงได้เข้าร่วมเป็น Strategic Partner กับ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อขยายโซลูชั่นในการอำนวยความสะดวกลูกบ้านแสนสิริในการใช้รถพลังงานไฟฟ้าและการเข้าถึงสถานีชาร์จ ด้วยการติดตั้ง EV Charging Station ในโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ นำร่องโครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 95 หัวชาร์จ (50 เครื่อง) ใน 28 โครงการ ความร่วมมือดังกล่าวก่อให้เกิดการรับรู้ต่อผู้อยู่อาศัยถึงการสร้างระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นจากหน่วยเล็กๆ ของสังคมนั่นคือที่อยู่อาศัย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าตอบโจทย์แนวคิดของคน รุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
สำหรับความร่วมมือในก้าวต่อไประหว่างแสนสิริและ SHARGE เพื่อสานต่อนโยบาย Sansiri Sustainability Mission ในการร่วมสร้างปรากฎการณ์แห่งอนาคต เพื่อสร้างเทรนด์ที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ที่นำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ได้กำหนดเป็นโรดแมป 3 ปี (2565-2567) โดยกำหนดเป้าหมายขยายการติดตั้ง EV Charging Station ให้ครอบคลุมโครงการแนวสูงที่เปิดใหม่ และโครงการแนวราบในระดับเซ็กเมนต์ B ขึ้นไปทุกโครงการ ภายใต้งบลงทุน 65 ล้านบาท หรือการติดตั้งเครื่องชาร์จ EV ราว 1,500 เครื่อง ภายใน 3 ปี
โดยโครงการบ้านเดี่ยวในเซ็กเมนต์ B ขึ้นไป จะได้รับพริวิลเลจพิเศษ เป็นเครื่องชาร์จ ABB Terra AC Wallbox (Normal Charge) นำเข้าโดย SHARGE ที่สามารถชาร์จได้เร็วถึง 4-8 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาดรถ) ซึ่งการสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับที่อยู่อาศัยในครั้งนี้สอดคล้องกับการสำรวจพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่และผู้อยู่อาศัยแสนสิริในเซกเมนต์ B ขึ้นไป ที่พบว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จเร็ว (Young Success) และมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวีตแบบยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม บางส่วนเป็นเจ้าของรถ EV หรือกำลังมองหารถ EV เพื่อใช้ในอนาคต ทั้งนี้ผลสำรวจของแสนสิริสอดคล้องกับข้อมูลจากศูนย์วิจัยความเป็นอยู่ ฮาคูโฮโด อาเซียน ที่ระบุว่าจากการสำรวจคนรุ่นใหม่ในประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น พบว่า 86% ให้ความใส่ใจสังคม-สิ่งแวดล้อมมาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างจริงจัง 80% ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่ใส่ใจสังคม-สิ่งแวดล้อม และ 81% ระบุว่า เต็มใจจ่ายแพงขึ้น เพื่อให้ได้สินค้าสำหรับวิถีชีวิตที่ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นการร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงระหว่าง แสนสิริ และ SHARGE จึงเป็นการสร้างปรากฎการณ์ใหม่แห่งอนาคตที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน
ด้านนายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เปิดเผยว่า จุดแข็งที่สำคัญของ SHARGE คือการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งจากหลากหลายอุตสาหกรรม และการได้เข้าร่วมเป็น Strategic Partner กับแสนสิริ ที่เล็งเห็นเทรนด์การเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ EV ตลอดจนไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านที่ต้องการชาร์จรถที่บ้าน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับโรดแมปของประเทศที่ภาครัฐให้การสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EV เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนหันมาเปลี่ยนแปลงการใช้ EV มากขึ้น แสนสิริจึงได้ร่วมกับ SHARGE ในการออกแบบและขยายโซลูชั่นรองรับการใช้รถ EV และการเข้าถึงสถานีชาร์จ เพื่อมอบบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกบ้านแสนสิริ และนำมาสู่ความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง SHARGE กับแสนสิริอีกครั้ง ด้วยการเซ็ตเทรนด์ที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ ในการติดตั้งเครื่องชาร์จ EV ในที่อยู่อาศัย ที่จะเติบโตไปตามเทรนด์ของโลกที่ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ความร่วมมือครั้งนี้ยังสอดคล้องกับโรดแมป 5 ปี ของ SHARGE ที่ตั้งเป้าหมายดำเนินผ่านกลยุทธ์ ‘LIFESTYLE CHARGING ECOSYSTEM: NIGHT, DAY, ON-THE-GO’ เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์และอำนวยคามสะดวกในการใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการใช้รถพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย โดยร่วมมือกับภาคอสังหาริมทรัพย์ (ผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยและศูนย์การค้า) ผู้ประกอบการรถยนต์ และธุรกิจพลังงาน สร้างระบบนิเวศที่เน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายตามพฤติกรรมของผู้บริโภค 3 กลุ่ม ประกอบด้วย
NIGHT: กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่บ้าน ซึ่งกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนสูงสุดหรือคิดเป็น 80% ของผู้ใช้รถ EV ทั้งหมด เพราะจากการศึกษาพฤติกรรมผู้ใช้งานรถ EV ในสหรัฐ จีน และยุโรป พบว่า ส่วนใหญ่จะนิยมชาร์จที่บ้านในเวลากลางคืน เพราะสะดวกและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ประจำวันที่คนส่วนใหญ่จะจอดรถไว้บ้านในเวลากลางคืน รวมถึงการชาร์จตามบ้านมีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่ถูกกว่า
DAY: กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่จุดหมายปลายทาง เช่น การชาร์จตามศูนย์การค้า แหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ สถานศึกษา และอาคารสำนักงาน โดยกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนอยู่ที่ 15%
ON THE GO: กลุ่มผู้ใช้บริการชาร์จที่เน้นการชาร์จที่ต้องการชาร์จตามสถานีชาร์จระหว่างการเดินทางข้ามจังหวัด หรือการท่องเที่ยว ซึ่งกลุ่มนี้จะมีสัดส่วนน้อยที่สุดคือ 5% ของจำนวนผู้บริโภคทั้งหมด
“SHARGE ได้ทำงานร่วมกับแสนสิริ ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ Infrastructure ของ EV Charging Station ในแต่ละโครงการเปิดใหม่ของแสนสิริทั้งแนวราบและแนวสูง เพื่อวิเคราะห์รูปแบบของการให้บริการและติดตั้งแท่นชาร์จให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้าน อีกทั้ง ได้ร่วมกันพัฒนาอำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านผู้ใช้รถ EV ในการเพิ่มฟีเจอร์การจอง EV Charging Station บน Sansiri Home Service Application ซึ่งเป็นการนำเอาบริการจากแอปพลิเคชั่นของ SHARGE ที่มีไว้สำหรับค้นหาและจองสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งของ SHARGE และเครือข่ายพันธมิตรในแหล่งไลฟ์สไตล์ทั่วกรุงเทพฯ อีกทั้งยังสามารถจ่ายค่าไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชั่น มาเพิ่มเป็นพีเจอร์บนแอปพลิเคชั่นที่แสนสิริมีไว้สื่อสารระหว่างโครงการและลูกบ้านแสนสิริ ยกระดับความสะดวกของลูกบ้านในการเดินทางด้วยรถ EV ในแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำ นอกจากนี้ สำหรับโครงการของแสนสิริที่เปิดก่อนหน้านี้ หากมีความประสงค์ที่จะติดตั้ง EV Charging Station ทาง SHARGE ยินดีที่จะให้คำแนะนำและประเมินความเหมาะสมให้แต่ละโครงการโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ” นายพีระภัทร กล่าว
ความร่วมมือในครั้งนี้แสนสิริและ SHARGE ไม่ได้หวังเพียงแค่การเติบโตและความสำเร็จทางธุรกิจเท่านั้น แต่ต้องการสร้างโมเดลในการปฏิรูปวงการที่อยู่อาศัยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง และเป็นการสนับสนุนให้การใช้รถ EV ในประเทศไทยเติบโตได้จริงในระยะเวลารวดเร็ว เพราะปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้คนส่วนใหญ่ตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้รถ EV หรือไม่นั้น การเข้าถึงหัวชาร์จ เป็นหัวใจสำคัญ หากภาคอสังหาริมทรัพย์เข้ามาร่วมสนับสนุนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ เชื่อว่าจะทำให้ผู้ใช้รถตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้ EV ได้ง่ายขึ้น และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อสิ่งแวดล้อมที่เร็วขึ้น