นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า ปี 2564 นับเป็นอีกปีท่ามกลางความท้าทายที่แสนสิริผ่านมาได้อย่างแข็งแกร่งในรอบ 37 ปี จากการมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากลูกค้าจนส่งผลให้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน ส่งผลให้แสนสิริได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าและมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทั้งในด้านผลงานยอดขายที่ทำได้ 33,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายถึง 29% และยอดโอน 32,500 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 21%
ล่าสุด จากการสรุปผลการดำเนินงานปี 2564 แสนสิริยังมีกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) ที่โดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 2,017 ล้านบาท โตขึ้น 21% จากปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิฯ 1,673 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 6.8% ของรายได้รวม โตขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 4.8% โดยปัจจัยหลักมาจากความสามารถในการทำกำไรฯ ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้รวมในปี 2564 แสนสิริมีรายได้รวมทั้งสิ้น 29,558 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากการขายโครงการที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 26,170 ล้านบาท
“รายได้กว่า 67% ของปี 2564 มาจากความสำเร็จของรายได้โครงการแนวราบ โดยเฉพาะรายได้จากโครงการบ้านเดี่ยวที่มีสัดส่วนถึง 49% ของรายได้จากการขายโครงการทั้งหมด หรือคิดเป็น 12,753 ล้านบาท ทั้งนี้ แสนสิริยังตอกย้ำความเป็นผู้นำการพัฒนาแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับบน ด้วยรายได้จากแบรนด์เศรษฐสิริ และ บุราสิริที่สร้างรายได้ไปถึง 6,600 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยแชมป์โครงการบ้านเดี่ยวที่ทำรายได้สูงสุด ประกอบด้วย โครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา,โครงการเศรษฐสิริ จรัญ-ปิ่นเกล้า 2 และโครงการเศรษฐสิริ พระราม 5 รองลงมาเป็นรายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมในสัดส่วน 33% หรือคิดเป็น 8,508 ล้านบาท โดย 3 โครงการคอนโดมิเนียมที่มีรายได้สูงสุด ได้แก่ เอ็กซ์ที ห้วยขวาง, โอกะ เฮาส์ และเอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา ตามลำดับ” นายวิชาญ กล่าว
แสนสิริยังสร้างผลงานจากการปั้นมิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮมแบรนด์ “อณาสิริ” ระดับราคา 2 – 6 ล้านบาท ตอบรับแนวคิดการอยู่อาศัยแบบ Feel Just Right “ความพอดีที่ลงตัว” ที่ประสบความสำเร็จ สร้างรายได้ที่โดดเด่นในปี 2564 อยู่ที่ 2,633 ล้านบาท โตขึ้นถึง 120% โดยโครงการอณาสิริ บางใหญ่ ครองแชมป์แบรนด์อณาสิริที่สร้างรายได้สูงสุด ขณะที่รายได้จากการขายโครงการทาวน์โฮมของแสนสิริ ในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 2,277 ล้านบาท รายได้หลักมาจาก 4 โครงการทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส ได้แก่ สิริ เพลส ประชาอุทิศ 90, สิริ เพลส ราชพฤกษ์-พระราม 5, สิริ เพลส รังสิต-คลอง 2 และสิริ เพลส จรัญ-ปิ่นเกล้า เป็นต้น
นอกจากนี้จากการผ่อนคลายมาตรการโควิดและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในปีที่ผ่านมา ยังส่งผลให้ธุรกิจอื่นๆ ของแสนสิริ อาทิ ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการอื่นๆ เติบโตขึ้น โดยในปี 2564 แสนสิริมีรายได้จากการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนกว่า 62% ในสแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทแม่ของเครือโรงแรม The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกที่มีอิทธิพลที่สุดในธุรกิจบูทีคโฮเต็ล ที่สร้างเสียงชื่นชมทั้งในนิวยอร์ก, ไมอามี่, ลอนดอน และอีกหลายเมืองทั่วโลก สร้างรายได้จากการบริหารโรงแรมในปีที่ผ่านมาอีก 315 ล้านบาท โตขึ้นถึง 126% รวมถึงรายได้ค่าบริการอื่น ซึ่งประกอบด้วยรายได้จากธุรกิจโรงแรม
อาทิ การเปิดตัว The Standard, Hua Hin (เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน) โรงแรมแรกในเมืองไทยและเป็นรีสอร์ตติดชายหาดแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้แบรนด์ The Standard โดยมีแสนสิริลงทุน 100% ด้วยเม็ดเงินกว่า 800 ล้านบาท ที่ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนไทยกลายเป็นโรงแรมและรีสอร์ตที่ติดอันดับได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว หลังเปิดให้บริการในต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รวมถึง เดอะ เภรี โฮเต็ล หัวหิน และ เดอะ เภรี โฮเต็ล เขาใหญ่ ที่มีแสนสิริเป็นผู้ลงทุนอีกด้วย
ทั้งนี้ในปี 2565 แสนสิริยังเดินหน้าก้าวแกร่งด้วยวิสัยทัศน์ “STEP BEYOND” เติบโตแข็งแกร่งยั่งยืนในทุกมิติ ภายใต้ 3 กุญแจสำคัญขับเคลื่อนองค์กร PROFIT – PEOPLE – PLANET มุ่งสร้างรายได้และผลกำไรเพื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรด้วยแผนเปิดตัว 46 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายและยอดโอนเท่ากันที่ 35,000 ล้านบาท
ล่าสุด แสนสิริได้ประกาศแผนคอนโดมิเนียมปี 65 เปิดตัว 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ครอบคลุมกรุงเทพฯ – ต่างจังหวัด โดยชูกลยุทธ์การสานต่อความสำเร็จของการพัฒนาคอนโดมิเนียม ราคาเข้าถึงได้ ไฮไลท์เปิดตัวแบรนด์คอนโด มี,เดอะ มูฟ, ดีคอนโด, เดอะ เบส และ เดอะ ไลน์ เพื่อให้แสนสิริเป็นแบรนด์เข้าถึงง่าย พร้อมปลุกกระแสแบรนด์ “เดอะ เบส”
โดยเตรียมเปิดตัว THE BASE New Series ภายใต้แนวคิด “BASE ON YOU” ให้ความชอบ บอกความเป็นคุณ 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,230 ล้านบาท นำร่องโครงการแรก “เดอะ เบส ไฮท์ – เชียงใหม่” คอนโดตึกสูงแห่งแรกจากแสนสิริในเชียงใหม่ และลุยเปิด Holiday Home Condominium เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ในหัวหิน เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ พร้อมรุกสร้างยอดขายเพิ่มในพัทยา โดยตั้งเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมปีนี้ 14,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 30% พร้อมเป้าโอนกว่า 13,000 ล้านบาท