ไซมิส แอสเสท เปิดงบไตรมาส 1/66 โชว์กำไร 74.1 ลบ. เพิ่มขึ้น 258% อานิสงส์รับรู้รายได้จากยอดโอนอสังหาฯ 5 โครงการหลัก และรายได้ธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น ฟากซีอีโอ “ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ” แย้มแนวโน้มครึ่งปีหลังโตแรงต่อเนื่อง วางแผนทยอยโอนโครงการ Landmark @ MRTA Station ประมาณ 2,000 ลบ. และทยอยโอนอสังหาฯแนวราบอีก 3 โครงการ พร้อมคาดจะรับรู้รายได้กลุ่ม Ready to Move อีกจำนวนมาก แถมมีแรงหนุนจากกลุ่มธุรกิจบริการอื่นๆ มาช่วยเสริมอีก มั่นใจปี 66 โตต่อไม่ต่ำกว่า 130% สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) (SA) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด “Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 488.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 472.1 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวประกอบด้วย รายได้จากการจากการขายอสังหาริมทรัพย์และสินค้า 206.8 ล้านบาท รายได้จากการบริการ 79.7 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 74.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.4 ล้านบาท หรือ 258% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20.7 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่เท่ากับ 53.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.9 ล้านบาท หรือ 135.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 22.8 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ จาก 5 โครงการหลัก ได้แก่ Ramada Residence (ชื่อเดิม Siamese Sukhumvit 87), Wyndham Residence (ชื่อเดิม Siamese Queens), Ramada Plaza by Wyndham Bangkok Sukhumvit 48(ชื่อเดิม Siamese Sukhumvit 48), Siamese Exclusive 31 และ Siamese KIN รวม 172.3 ล้านบาท และรับรู้ รายได้จากโครงการอื่นๆ 34.5 ล้านบาท รวมเป็น 206.8 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากโครงการแนวราบคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.7 ของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์และสินค้า
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีการรับรู้รายได้ธุรกิจจากการให้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการทยอยเปิดให้บริการธุรกิจโรงแรม จำนวน 5 แห่ง และจากธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) การบริหารงานนิติบุคคล รวมเป็นรายได้จากงานการให้บริการทั้งสิ้น 79.7 ล้านบาท หรือคิดเป็น 16.3% ของรายได้รวม ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าเท่ากับ 36.2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 83.4%
“ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกเป็นไปตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้ เนื่องจากรายได้หลักจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ประกอบกับรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามกลยุทธ์การสร้างสมดุลรายได้ ซึ่งเป็นการปรับโมเดลธุรกิจเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงาน ให้สามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่น มั่นคงและยั่งยืนต่อไป”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทฯ เตรียมโอนโครงการ Landmark @ MRTA Station ซึ่งเป็นโครงการใหญ่มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมี Backlog จากโครงการนี้ประมาณ 4,700 ล้านบาท คาดเตรียมทยอยโอนภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ประกอบกับมีโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบที่เตรียมทยอยโอนอีก 3 โครงการ นอกจากนี้มีกลุ่ม Ready to move และกลุ่มธุรกิจบริการอื่นๆ อาทิ กลุ่มโรงแรม กลุ่มร้านอาหาร กลุ่ม wellness กลุ่ม AMC ที่คาดว่าจะสร้างรายได้เข้ามาเพิ่มเติม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเปิดดำเนินการโรงแรมแห่งใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังอีก 1 แห่ง ได้แก่ Tribe Living Bangkok Sukhumvit 39 ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้ให้เติบโตตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ไม่ต่ำกว่า 130% และสามารถสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2566 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ได้มีมติอนุมัติลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 118,564,569 บาท จากทุนจดทะเบียนจำนวน 1,775,239,607 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,656,675,038 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญจดทะเบียนที่ยังไม่ได้จำหน่ายจำนวน 118,564,569 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ซึ่งเป็นหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรหุ้นสามัญของบริษัท ไว้เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทประจำปี 2565 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565และแก้ไขเพิ่มเดิมหนังสือบริคณห์สนธิข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุนของบริษัท
และพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 119,270,145 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 1,656,675,038 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,775,945,183 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 119,270,145 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) จำนวนไม่เกิน 119,270,145 หุ้นและแก้ไขเพิ่มเดิมหนังสือบริคณห์สนธิข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนของบริษัท
ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 119,270,145 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน ใช้ในการประกอบธุรกิจ เพื่อให้มีเงินเพียงพอในการดำเนินธุรกิจและการขยายธุรกิจของบริษัทในอนาคต และใช้ลงทุนในโครงการต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจหลักหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก รวมทั้งการขยายธุรกิจหลักและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดวันที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในวันที่ 14 มิถุนายน 2566 เวลา 10:00 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น (Record date) ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 เพื่อนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติต่อไป