ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รายงานดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน ไตรมาส 3 ปี 2565 พบว่าราคาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีค่าดัชนีเท่ากับ 132.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 (QoQ) โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ดัชนีราคาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) มาจากค่าตอบแทนในหมวดงานออกแบบก่อสร้างและงานระบบที่เพิ่มขึ้นทุกรายการ โดยเพิ่มขึ้นมากที่สุดในหมวดงานวิศวกรรมโครงสร้างร้อยละ 8.0 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ภาพรวมของราคาค่าก่อสร้างบ้านในปี 2565 ยังคงมีการขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1 ถึงไตรมาส 3 โดยดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน ไตรมาส 3 ปี 2565 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 132.2 จุด สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) 6.2% เป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 19 ไตรมาส ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันซึ่งเป็นทั้งต้นทุนการผลิตและต้นทุนในการขนส่ง แต่มีแนวโน้มที่ราคาค่าก่อสร้างบ้านจะปรับขึ้นแบบชะลอตัวลงแล้ว เนื่องจากพบว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง มาอยู่ที่ 0.8% ในไตรมาส 3 จาก ร้อยละ 3.9% และ 1.1% ในไตรมาส 1 และ 2 ที่ผ่านมา
หากวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบที่สำคัญของการปรับเพิ่มของดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐานในไตรมาส 3 ปี 2565 พบว่า มีการปรับราคาค่าก่อสร้างในเกือบทุกหมวดเมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) โดยในหมวดงานออกแบบก่อสร้างและงานระบบ มีการปรับเพิ่มในงานวิศวกรรมโครงสร้างจากปีก่อนสูงถึง 8.0% ส่วนหมวดวัสดุก่อสร้างมีการปรับเพิ่มจากปีก่อนมากสุดในหมวดย่อยสุขภัณฑ์ 13.2% เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก 11.5% และไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ 9.5% นอกจากนี้ ยังมีการปรับขึ้นค่าก่อสร้างบ้านในหมวดแรงงานจากปีก่อนอีก 5.6% ทั้งนี้พบว่า มีเฉพาะราคาของกระเบื้องที่มีการลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อยที่ 3.2%
จากการวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบที่ทำให้ราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐานเพิ่มขึ้น ยังคงมีปัจจัยสำคัญจากการที่ราคาวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ก็มีทิศทางคงที่หรือปรับลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4 ปี 2565 ยังคงมีความเสี่ยงจากราคาน้ำมันที่อาจปรับตัวสูงขึ้นจากสงคราม และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ที่จะส่งผลต่อต้นทุนการดำเนินการของผู้ผลิตและผู้รับเหมาก่อสร้าง