PROUD แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/2567 ฟอร์มดี เติบโตต่อเนื่อง รายได้ 232 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2567 รายได้ 2,015 ล้านบาท โต 52% ผลจากการรับรู้รายได้โครงการ นิว ครอส คูคต สเตชัน ยอดขายโตต่อเนื่องทุกโครงการ ภาคการท่องเที่ยวหนุนดีมานด์ชาวต่างชาติต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่ม โชว์ Backlog แข็งแกร่งมูลค่ารวม 10,900 ล้านบาท เตรียมทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 ถึงปี 2569 หนุนการเติบโตระยะยาว
นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 บริษัทมีรายได้รวม 232 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 132 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 75% และมีกำไรสุทธิ 3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิที่ 2 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 76%
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2567 มีรายได้รวม 2,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,324 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 52% และมีกำไรสุทธิ 92 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการรับรู้รายได้ จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ นิว ครอส คูคต สเตชัน (Nue Cross Khu Khot Station) ที่บริษัทเข้าซื้อมาในปี 2566 และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2567 มียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้วกว่า 88% คิดเป็นมูลค่า 1,870 ล้านบาท จำนวน 1,077 ยูนิต ซึ่งถือเป็นการรับรู้รายได้เร็วกว่ากำหนดที่วางไว้
อีกทั้ง โครงการที่อยู่ระหว่างขายทุกโครงการ มีกระแสตอบรับที่ดี จากกลยุทธ์การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มองหาที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและทำเลที่มีศักยภาพ ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต
โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567 โครงการที่อยู่ระหว่างการขายมียอดจองประสบความสำเร็จตามแผน โดยโครงการ เวหา หัวหิน (VEHHA Hua Hin) มียอดจองแล้ว 65% ของมูลค่าโครงการ โครงการ รมย์ คอนแวนต์ (ROMM Convent) มียอดจอง 62% โครงการ วี อารีย์ (VI Ari) มียอดจอง 33% และโครงการ นิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) มียอดจองสูงถึง 97% โดยโครงการ เวหา หัวหิน (VEHHA Hua Hin) และ นิว ดิสทริค อาร์ 9 (Nue District R9) มูลค่าโครงการรวมกว่า 8,900 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ตลอดทั้งปี 2568 และโครงการ รมย์ คอนแวนต์ (ROMM Convent) ที่มีมูลค่าโครงการ 4,150 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปี 2569
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ วันที่ 30 กันยายน 2567 มูลค่ารวมที่ 10,900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2569 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจในการเติบโตระยะยาวของบริษัท นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่กำลังจะเปิดตัวเพิ่มเร็วๆ นี้อีกมูลค่า 9,200 ล้านบาท สะท้อนถึงการเติบโตของรายได้ของบริษัทในอนาคตที่แข็งแกร่ง และต่อเนื่อง
“ผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์การพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า รวมถึงการขยายธุรกิจผ่านการเข้าซื้อโครงการจากพันธมิตรที่มีศักยภาพ ทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ความต้องการที่อยู่อาศัยในกลุ่มลักชัวรียังคงสูง ซึ่งแตกต่างจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับกลาง-ล่างที่เริ่มชะลอตัว นอกจากนี้ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวยังช่วยเสริมกำลังซื้อจากต่างชาติ ทั้งในด้านการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุนที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน” นายพสุ กล่าว