นายธฤทธิ์ พรหมนารถ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟิลลิปประกันชีวิต เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้าภายใน 3 ปี มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้แบ่งออกเป็นเบี้ยประกันต่ออายุอยู่ที่ 2,040 ล้านบาท และเบี้ยประกันรับรายใหม่อยู่ที่ 960 ล้านบาท
สำหรับในปี 2566 บตั้งเป้าเบี้ยประกันรับรวมอยู่ที่ การเติบโตอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท เติบโต 17% โดยจะทำการแบ่งออกเป็นประกันรับปีแรก 640 ล้านบาท โต 86% ขณะเดียวกันอัตราการต่ออายุกรมธรรม์ของบริษัทยังสูงเช่นเดียวตลาดอยู่ที่ 80%
“แผนการเติบโตของบริษัทในด้านเบี้ยประกันภัยและกำไรใน 5 ปี โดยเริ่มจากปีนี้ ซึ่งเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง( Year of Transformation ) เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการสร้างเบี้ยประกันภัยใหม่ซึ่งมีความเติบโตอย่างมั่นคง ด้วยช่องทางการขายแบบ Multi Channel อันได้แก่ ตัวแทนประกันชีวิต B2B B2C และ FA พัฒนา Digital Face to Face” นายธฤทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีเป้าหมายการเป็น InsurTech อันดับหนึ่งของประเทศไทย ภายใน 5 ปี และภายใต้แนวคิด One Phillip นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนที่หลากหลาย (ประกันชีวิต ประกันวินาศภัย กองทุนรวม หุ้น ประกัน Unit-Linked) ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า พัฒนาบุคลากรสู่ Financial Advisor
นายปรีชา ไพบูลย์วุฒิโชค รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการตลาด B2B & B2C เพิ่มเติมว่า บริษัทเน้นธุรกิจที่สร้างผลกำไรจากพันธมิตรหรือคู่ค้าและลูกค้าที่มีคุณภาพ เน้นผลิตภัณฑ์ประเภทสินเชื่อมากขึ้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของพันธมิตรและเพิ่มเครื่องมือการขายเพื่อสนับสนุนการขายของพันธมิตร
นายอภิพงศ์ พงศ์เสาวภาคย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานฝ่ายขาย กล่าวถึง การสร้างตัวแทนใหม่ โดยเน้นที่ตัวแทนเต็มเวลา การสร้าง FA หรือที่ปรึกษาทางการเงิน โดยชักชวนให้ตัวแทนประกันชีวิตสอบขอรับใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุน เพื่อให้สามารถขายประกันชีวิตควบหน่วยลงทุน