แผนธุรกิจกลุ่ม “พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” และ “แกรนด์ แอสเสท” ปี 2567 ตั้งเป้ายอดขายรวม 20,000 ล้านบาท ส่วนรายได้วางไว้ที่ 18,000 ล้านบาท มุ่งปรับโครงสร้างการเงินให้แข็งแกร่ง ลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้เหลือ 1 เท่าภายในปีนี้ พร้อมลดหนี้ 11,000 ล้านบาทใน 3 ปี เผยรายได้จากโครงการร่วมทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ธุรกิจโรงแรมเติบโตเทียบเท่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เน้นพัฒนาสินค้าดีไซน์ใหม่ทั้งบ้านเดี่ยวทาวน์โฮม พร้อมเดินหน้าสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Go Green
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) แถลงถึงแผนธุรกิจปี 2567 ว่า บริษัทมุ่งเน้นการจัดการเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ลดภาระหนี้ พัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่ และการดำเนินงานเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้กลุ่มบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ 20,000 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 9,750 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,540 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 4,460 ล้านบาท และโรงแรม 3,250 ล้านบาท ขณะที่รายได้ปีนี้ตั้งไว้ที่ 18,000 ล้านบาท จากโครงการแนวราบ 8,600 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,380 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 3,770 ล้านบาท และโรงแรม 3,250 ล้านบาท
“ปีนี้กลุ่มบริษัทยังมีนโยบายสร้างความมั่นคงด้านการเงิน ให้ความสำคัญกับการลดภาระหนี้มากกว่าการขยายตัว ตั้งเป้าลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของกลุ่มบริษัทให้ลงไปอยู่ที่ระดับ 1 เท่าภายในสิ้นปีนี้ โดยปีนี้มีแผนลดภาระหนี้ของ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 2,000 ล้านบาท แกรนด์ แอสเสทฯ 5,000 ล้านบาท รวมเป็น 7,000 ล้านบาท จากการขายที่ดินและขายการลงทุนในธุรกิจโรงแรม นอกจากนี้ยังมีแผนลดภาระหนี้ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ใน 2 ปีข้างหน้าอีกปีละ 2,000 ล้านบาท จากการขายที่ดินและเงินคืนจากบริษัทร่วมทุน ซึ่งจะทำให้กลุ่มบริษัทสามารถลดภาระหนี้ลงรวม 11,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี”
ในส่วนโครงการร่วมทุน ปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีการร่วมทุนกับ 3 บริษัทชั้นนำจากต่างประเทศ เป็นมูลค่าโครงการรวม 28,120 ล้านบาท มีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้ารายได้จากโครงการร่วมทุนเติบโตอีก 24% ขณะที่ธุรกิจโรงแรมปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้เพิ่มจากปีก่อนถึง 54% ซึ่งมีปัจจัยบวกหลักคือสถานการณ์โควิด-19 ที่กลับสู่ภาวะปกติ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงงานประชุมต่างชาติ โดยโรงแรมทั้ง 5 แห่งของบริษัท มีอัตราเข้าพักและราคาเฉลี่ยต่อห้องสูงขึ้นอย่างชัดเจน และสามารถสร้างกำไรจากการบริหารงานได้สูงกว่าปี 2565 อยู่ที่ 152% อีกทั้งมากกว่าปี 2562 ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ถึง 10% สำหรับปี 2567 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 22% กำไรขั้นต้นเติบโต 36% จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา
สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัท นายวสันต์ ศรีรัตนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค วางเป้าขายอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 12,000 ล้าน มีแผนเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,700 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 5 โครงการ มูลค่า 6,290 ล้านบาท ทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,410 ล้านบาท เป็นแนวราบทั้งหมดโฟกัสกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน โครงการไฮไลท์ได้แก่ “เพอร์เฟค เพลส ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์” ซึ่งเป็นการกลับมาสานต่อความสำเร็จของแบรนด์เพอร์เฟค เพลส ในโซนกรุงเทพตะวันตก ทำเลที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญและได้รับการตอบรับอย่างดีมากว่า 20 ปี “วาวิล่า” โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้นจับกลุ่มลักซ์ชัวรี่เพิ่มเติมในทำเลกรุงเทพกรีฑา และยังมีการขยายโครงการในทำเลใหม่ ได้แก่ “โมดิ วิลล่า สถานีคูคต” เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดทำเลใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่มีศักยภาพการเติบโตสูง บริษัทยังเน้นการพัฒนารูปแบบสินค้าทั้งบ้านเดี่ยวในโครงการเพอร์เฟค เพลส และ เพอร์เฟค พาร์ค ที่ปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ เพิ่มฟังก์ชั่นและขยายพื้นที่ใช้สอย รวมถึงการกลับมารุกตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นอีกครั้ง ด้วย “เดอะ เมทโทร” ทาวน์โฮมที่ปรับโฉมใหม่ให้สวยงามเรียบง่ายในสไตล์มินิมอลลิสต์
พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ยังเดินหน้าสู่ความยั่งยืนภายใต้แนวคิด “Go Green” ผ่าน 4 แกนหลัก ได้แก่ 1) Clean Energy การใช้พลังงานสะอาดทั้งในระดับโครงการและในบ้าน ทั้งการติดตั้งโซลาร์รูฟบนอาคารสโมสร สำนักงานขาย และบ้านในโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ และ เลค เลเจ้นด์ ติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับบ้านเดี่ยวสร้างใหม่ในโครงการ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ, เลค เลเจ้นด์ และวาวิล่า และติดตั้งระบบที่รองรับการติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Ready) สำหรับบ้านเดี่ยวโครงการเพอร์เฟค เพลส, เพอร์เฟค พาร์ค และโมดิ วิลล่า 2) Water Saving การพัฒนาโครงการที่มีทะเลสาบขนาดใหญ่ให้มีความโดดเด่น ควบคู่ไปกับการดูแลแหล่งน้ำและทะเลสาบภายในโครงการอย่างดี ทั้งการจัดการคุณภาพน้ำและหมุนเวียนน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ 3) Materials & Process การให้ความสำคัญตั้งแต่การออกแบบให้ลดการใช้พลังงาน และเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้บริษัทมีส่วนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ 4) Good Health & Well-Being ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกวัย โดยปีนี้จะเปิดคลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่รูปแบบใหม่ในทำเลกรุงเทพกรีฑา เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัยในโครงการ