บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการไตรมาส3 ปี2565 มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 37% เป็นเงิน 123 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 1,585% เป็นเงิน 220 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือน ปี 2565 คาดการณ์ปี 2566 อุตสาหกรรมกลุ่มลักชัวรี่ (Luxury Industry) ยังคงมีโอกาสเติบโตขึ้น และเศรษฐกิจไทยจะเติบโตมากกว่า ปี 2565 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จะส่งผลดีต่อธุรกิจร้านค้าปลีกเครื่องประดับที่จะมีแนวโน้มดีขึ้น
คุณชนัตถ์ สรไกรกิติกูล ประธานกรรมการการเงินและบริหารความเสี่ยง บมจ. แพรนด้า จิวเวลรี่ ได้เผยว่าไตรมาส3 ปี 2565 มียอดขาย 1,033 ล้านบาท เติบโตขึ้น 24%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากฐานการผลิต (Production Base) สัดส่วน 79% ซึ่งมีปัจจัยจากเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศแถบยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่เป็นฐานลูกค้าหลักเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อเป็นไปตามเป้า และการเติบโตมาจากยอดขายในกลุ่ม Omni-channel คิดเป็นสัดส่วน 21% เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย รวมถึงการจัดจำหน่ายของบริษัทฯในประเทศอินเดียกลับมาฟื้นตัว และเริ่มดำเนินการผลิต เพื่อรองรับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นในอินเดีย สอดคล้องกับภาพรวม 9 เดือน ปี 2565 ที่บริษัทฯมียอดขาย 2,655 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่เติบโตทั้งกลุ่มฐานการผลิตและกลุ่ม Omni-channel
สำหรับแผนการดำเนินงานในไตรมาส 4 นี้ จากที่บริษัทฯมียอดคำสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก และสามารถดำเนินการผลิตได้เต็มศักยภาพ คาดการณ์ว่า ปี 2565 นี้จะมียอดขายจากฐานการผลิตได้ถึง 2,594 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ประมาณ 13% ในส่วนกลุ่ม Omni-channel หรือ ธุรกิจค้าปลีกเครื่องประดับ ถือว่าปีนี้มีการขยายตัวของธุรกิจออนไลน์เติบโตช้าลง ซึ่งจะมีการปรับแผนงานในปีต่อไป และคาดว่า ปีนี้ PRIMA Thailand อาจปิดยอดขายได้ที่ 749 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าที่วางแผนไว้เล็กน้อย แต่ถือว่าเติบโตขึ้น 29% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา โดยมีแผนที่จะขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ และพัฒนาสินค้าให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านงานหัตถศิลป์ ที่มีฝีมือประณีต โดดเด่นด้วยงานดีไซน์ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ สำหรับแนวโน้มการเติบโตของกลุ่ม Omni-channel ในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตลาดของ PRIMA Thailand เป็นผลจากการฟื้นตัวของตลาดในประเทศไทยที่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยว และการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในธุรกิจการจัดจำหน่ายในประเทศอินเดีย
ทั้งนี้ บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด (มหาชน) ยังคงให้ความสำคัญต่อการสร้างฐานลูกค้าเชิงกลยุทธ์ที่มีศักยภาพ ทำงานร่วมกับลูกค้าในรูปแบบ Strategic Partner มีการวางแผนร่วมกันในระยะยาวกับลูกค้ารายสำคัญ รวมถึงการบริหารต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว และคาดว่าปี 2566 จะรักษาระดับยอดขายจากการผลิตได้ไม่น้อยกว่าปี 2565 โดยยังคาดการณ์ว่าฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม luxury ยังคงมีการเติบโต ถึงแม้ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2566 มีความไม่แน่นอนสูงและมีโอกาสที่อาจเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และเงินเฟ้อ