บมจ. เอ็น.ดี. รับเบอร์ เทิร์นอะราวด์ โชว์ผลงานปี 2567 พลิกมีกำไรสุทธิ 7.85 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุนราว 65 ล้านบาท และมีรายได้รวม 918.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.78 จากปีก่อนที่มีรายได้ 836.28 ล้านบาท หลังบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านเอ็มดี “ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา” ปักธงเป้ารายได้ในปีนี้แตะ 1,000 ล้านบาท เดินหน้าขยายตลาดยางรถจักรยานยนต์ไปยังอังกฤษ–ญี่ปุ่น ลุยธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพ คาดติดตั้งเครื่องจักรในไตรมาส 2/2568 เริ่มเดินเครื่องได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ สนับสนุนการเติบโตระยะยาว
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯมีรายได้รวมอยู่ที่ 918.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.85 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.78 จากปีก่อนที่มีรายได้ 836.28 ล้านบาท โดยสาเหตุที่ผลประกอบการเติบโตมาจากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ตลอดจนการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ โดยบริษัทฯ ได้รับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเติมในประเทศญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ ยอดขายในประเทศมาเลเซียยังปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่บริษัทฯพลิกมีกำไรสุทธิ 7.85 ล้านบาท จากปีก่อนที่ขาดทุนราว 65 ล้านบาท และบริษัทฯ สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นได้ แม้ว่าราคาวัตถุดิบจะยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 19.51 จากช่วงปีก่อนที่ร้อยละ 17.13 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการมุ่งเน้นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง ควบคู่ไปกับการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารให้อยู่ในระดับปกติ ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น
กรรมการผู้จัดการ NDR กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 2568 ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท โดยยังคงมุ่งเน้นธุรกิจหลักด้านการผลิตและจำหน่ายยางในและยางนอกรถจักรยานยนต์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วน 90-95% ของรายได้รวม พร้อมเดินหน้าขยายตลาดในอังกฤษและญี่ปุ่นเพิ่มเติม หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายตลาดไปยังสหรัฐอเมริกา
นอกจากการดำเนินธุรกิจหลักแล้วนั้น บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการเติบโตในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด ผ่านการลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจและสอดคล้องกับแนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าธุรกิจนี้จะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 5% ของรายได้รวม คาดว่าจะสามารถติดตั้งเครื่องจักรในไตรมาส 2/2568 และจะเริ่มการผลิตได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งจะเป็นอีกธุรกิจหนึ่งในการขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทฯ ในระยะยาว