นารีฟาร์มากรุ๊ป เปิดแผนบุกขยายตลาดสินค้า รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรไทยสูตรผสม ส่ง “เคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา” นำร่องก่อน เป้าหมายเข็นสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดปีละไม่ต่ำกว่า 1-2 รายการ หลังพบคนทั่วโลกรวมถึงคนไทยหันมาใส่ใจสุขภาพของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม หลังการระบาดของโรคโควิด-19 และพบว่าคนไทยยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาทต่อคน ปี 2566 ตั้งเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์เคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา จะมีไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
นางสาวพิมส์นารี นรรพสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารีฟาร์มากรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรไทย ภายใต้ชื่อ “เคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา” เปิดเผยถึงแผนการทำตลาดของบริษัทนารีฟาร์มากรุ๊ป ปี 2566 ว่า จะบุกขยายตลาดสินค้าภายใต้แบรนด์ “เคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา” เต็มกำลัง ในทุกช่องทางขาย อาทิ โรงพยาบาล, คลินิกรักษาโรค,ร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศที่มีเภสัชกร,ช่องทางออนไลน์ต่างๆ รวมถึงบุกขยายตลาดต่างประเทศ จากเดิมที่ขายผ่านช่องทางวิทยาลัยเภสัชศาสตร์, Facebook : วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และ Sun Herb Thai Chinese Manufacturing เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค พร้อมใช้กลยุทธ์เจาะตรงถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อเจาะตลาดคนรักสุขภาพ หลังพบตลาดมีขนาดใหญ่ และปัจจุบันคนไทยรวมถึงต่างชาติให้ความสนใจสมุนไพรไทยมากขึ้น โดยเฉพาะกัญชา ตั้งเป้าสิ้นปี 2566 “เคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา” จะสามารถทำยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านกระปุก หรือประมาณกว่า 1,000 ล้านบาทแน่นอน
“บริษัทฯ และมหาวิทยาลัยรังสิต ได้ร่วมกันวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา เพื่อเพิ่มศักยภาพของสมุนไพรไทยสูตรผสม ที่รวมสุดยอดของสมุนไพรไทย 5 ชนิด อาทิ ข่า มะนาว ใบย่านาง พริกไทย และใบกัญชาเข้าไว้ด้วยกัน โดยใช้การเสริมฤทธิ์ โดยผลวิจัยพบว่ามีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ถึง 4 ชนิด ต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบในหลอดทดลอง นอกจากนี้ทีมวิจัยยังต่อยอดศึกษาในผู้ที่มีภาวะลองโควิดด้วย ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ ที่ผลิตภัณฑ์เคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา ของบริษัทฯ ได้รับการการันตีผลการวิจัยเผยแพร่ลงวารสารวิชาการ ระดับนานาชาติ (Quartile Score, Q1) เป็นวารสารวิชาการ ติดอันดับ top 10 ใน สาขา Complementary and Alternative Medicine ที่ได้รับการยอมรับระดับโลกด้วย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งการการันตีว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีคุณภาพ และปลอดภัย”
ทั้งนี้ เป้าหมายของบริษัทฯ มีแนวคิดผลิตสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ ที่ใช้สมุนไพรแบบบูรณาการ โดยผสมผสานความเป็นสมุนไพรและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไว้ด้วยกัน และปรับให้เข้ากับยุคสมัยเข้ามาทำตลาดต่อเนื่องปีละ 1-2 รายการ ซึ่งมีทั้งบริษัทฯ คิดค้นสูตรเอง และร่วมพัฒนากับพันธมิตร นักวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสถาบันการศึกษาต่างๆ รวมถึงมหาวิทยาลัยรังสิต เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่หันมาให้ความสำคัญ และเลือกใช้สมุนไพรไทยนานาชนิด ในการป้องกัน บรรเทา ยับยั้ง บำรุง และรักษาโรค แทนการใช้ยารักษาโรคมากขึ้น โดยทำตลาดผลิตภัณฑ์“เคลียร์-บีลอง พลัส ผสมใบกัญชา” เป็นสินค้าตัวแรกนำร่องก่อน ซึ่งเริ่มวางขายแล้วตั้งแต่วันนี้ ในราคากระปุกละ 1,890 บาท สำหรับผลิตภัณฑ์สินค้าตัวที่ 2 ที่บริษัท นารีฟาร์ม่า กรุ๊ป จะส่งลงตลาด คือ ครีมบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยมีส่วนผสมหลักเป็นสมุนไพรไทย ที่มหาวิทยาลัยรังสิตร่วมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย คาดว่าจะเริ่มวางขายในตลาดประมาณไตรมาส 3 ปีนี้
นางสาวพิมส์นารี กล่าวว่า ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของประเทศไทยมีมูลค่ารวมเกือบ 80,000 ล้านบาท เป็นสมุนไพรกว่า 20,000 ล้านบาท ตลาดมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้รับความนิยมสูงขึ้นในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผู้คนหันมาใส่ใจสุขภาพของตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม โดยปัจจุบันพบว่าคนไทยยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเดือนละมากกว่า 1,000 บาทต่อคน
“ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในยุคนี้ เลือกเจาะตลาดลูกค้าแบบเฉพาะกลุ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่กังวลเกี่ยวกับสุขภาพด้านใดด้านหนึ่งอย่างเจาะจง และปัจจุบันผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาบริโภคอาหารเสริมที่ทำจากพืชมากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสในการทำตลาด สร้างยอดขายของบริษัทฯ และสร้างรายได้เข้าประเทศ”
อย่างไรก็ตาม การบุกตลาดครั้งนี้ คาดหวังว่านารีฟาร์มา จะเป็นหนึ่งบริษัทฯ ที่ช่วยขับเคลื่อน Thailand Medical Hub เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพระดับโลกในเร็วๆนี้ และช่วยผลักดันให้สมุนไพรไทย รวมถึงกัญชาทางการแพทย์ เป็นที่ยอมรับในระดับสากลมากขึ้น