บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล โชว์ผลงานปี 67 พอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 164,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.60 % และมีกำไรสุทธิ 5,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.58% เทียบปี 66 พร้อมรักษาคุณภาพลูกหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสัดส่วน NPL อยู่ที่ 2.75% ฟากผู้บริหาร “ปริทัศน์ เพชรอำไพ ” มั่นใจผลงานปี 68 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้ามอบบริการทางการเงินในมาตรฐานระดับสากล เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนเคียงข้างสังคมไทย บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลงวดปี 67 เป็นเงินสดในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 28 เมษายน และจ่ายปันผล 15 พฤษภาคมนี้
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2567 พอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 164,242 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.60% ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 27,902 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.77% และมีกำไรสุทธิ 5,867 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.58% เทียบปี 66 ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 2.75% ลดลงต่อเนื่องจากปี 2566 ซึ่งอยู่ที่ 3.11% เป็นผลมาจากมาตรการในการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง และการติดตามหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“รายได้และกำไรในปี 2567 ที่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการมุ่งเน้นขยายพอร์ตสินเชื่อที่มีหลักประกัน และการเปิดสาขาเพิ่ม โดยในปี 67 เปิดสาขาเพิ่มอีก 635 สาขา รวมมีสาขาทั้งหมด 8,172 สาขา ณ สิ้นปี 2567”
ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2567 (มกราคม-ธันวาคม 2567) เป็นเงินสดในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 28 เมษายน 2568 และ กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 15 พฤษภาคม 2568
รองกรรมการผู้จัดการ MTC กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานในปี 68 บริษัท ฯ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโตระหว่าง 10-15% พร้อมคุม NPL ให้ไม่เกิน 2.70% ควบคู่การปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบและเป็นธรรม ภายใต้หลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมเป็นแหล่งเงินทุนที่มีคุณภาพพร้อมสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจให้กับสังคมไทยอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในมาตรฐานระดับโลก
โดยที่ผ่านมา MTC มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม จนได้รับการรับรองผลการประเมิน ESG MSCI Index ในปี 2566 ที่ระดับ AA ในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (Customer Finance) และได้รับการจัดอันดับอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โดยได้รับการประเมินที่ระดับ AAA ในปี 2567 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังได้รับผลการประเมินการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai Institute of Directors : IOD) ในระดับดีเลิศ (Excellent CG Scoring) หรือ 5 ดาว เป็นปีที่ 7 ติดต่อกันอีกด้วย สะท้อนถึงการเป็นผู้นำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในมาตรฐานระดับโลก (World-class Thai Microfinance) ผ่านความร่วมมือกับสถาบันการเงินระดับโลกต่างๆ และบริษัท ฯ ยังเป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (NBFI) รายแรกของประเทศไทย ที่ได้มีการออกหุ้นกู้เพื่อสังคมมูลค่า 335 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เสนอขายแก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศทั้งจำนวนอีกด้วย” นายปริทัศน์ กล่าว