วันอังคาร ที่ 24 กันยายน 2567 10:32น.

“Lee” ดึง “หมาก ปริญ” ขึ้นแท่นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด

1 กันยายน 2023

        เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง เปิดแผนครึ่งปีหลัง ชู “Lee” ขยายพอร์ตธุรกิจยีนส์เต็มสตรีม นำร่องคอลเลกชัน Lee Iconic Logo ปรับดีไซน์เพิ่มลูกเล่นและเทคนิคพิเศษ พร้อมดึงหมาก-ปริญ สุภารัตน์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หวังขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่ม ยอดสิ้นปีพุ่ง

        คุณจิตรฤดี พนิตพล รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มสินค้าแฟชั่นและนาฬิกา บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (cmg) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดเผยว่า ตลาดยีนส์มีความโดดเด่นกว่าตลาดแฟชั่นอื่น ในประเทศไทยตลาดยีนส์มีมูลค่าประมาณ 15,000-20,000 ล้านบาท จากการสำรวจข้อมูลพบว่า คนไทยซื้อผลิตภัณฑ์ยีนส์ เฉลี่ย 2 ครั้งต่อปีและมีผลิตภัณฑ์ยีนส์ทั้งที่เป็นเสื้อ กางเกง กระโปรง หมวก รองเท้า หรือ แอกเซสซอรี (Accessory) ไม่ต่ำกว่า 15 ชิ้นต่อคน ตอกย้ำว่ายีนส์เป็น Everyday look ที่สามารถสวมใส่หรือใช้ได้บ่อยและเป็นที่นิยมในทุกยุคทุกสมัย

        ซึ่งในปีนี้การแต่งกายด้วยแฟชั่นยีนส์มีความตื่นตัวมากขึ้น คาดการณ์ว่า ตลาดยีนส์ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 8-10% ขณะที่แบรนด์ตอบรับความต้องการของผู้บริโภค ด้วยการรุกตลาดยีนส์เต็มสูบในทุกช่องทางขาย ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมถึงการออกคอลเลกชันใหม่ที่เน้นในเรื่องการดีไซน์และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่การสวมใส่ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดย Lee หวังขยายพอร์ตกลุ่มธุรกิจยีนส์ของ cmg เติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แบบก้าวกระโดด

        คุณอำนาจ สุเมธาศร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มสินค้าเดนิม และ Owned brands กล่าวว่า “Lee เป็นแบรนด์ยีนส์ระดับตำนานที่เชี่ยวชาญเรื่องยีนส์ตั้งแต่ปี 1889 ความโดดเด่นและแตกต่างของแบรนด์คือ การใส่ใจการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตอย่างสม่ำเสมอ เช่น Jade Fusion กางเกงยีนส์ผสมหยก ที่มีการใช้ผงหยกผสมลงไปในเส้นด้าย ช่วยทำให้รู้สึกเย็นสบายผิว หรือ Nitro Cool เทคโนโลยีผ้าคอตตอนผสมเส้นใย White Graphene ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่เป็นพิษกับร่างกายมนุษย์และมีฤทธิ์ป้องกันการก่อตัวของแบคทีเรีย เป็นต้น นอกจากนี้ แบรนด์ยังคำนึงถึง ดีไซน์การออกแบบให้เข้ากับยุคสมัย ตามคอนเซ็ปต์ Young & Trendy ซึ่งในทุกๆ ปี แบรนด์ออกคอลเลกชันพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Global Capsule Collection และ Exclusive Collection ที่วางจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เช่น Lee Thai Collection และ Lee Bear Collection เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ในประเทศ”

        อย่างไรก็ตาม แบรนด์ยังคงให้ความสำคัญกับการสื่อสารและตอกย้ำ DNA ของแบรนด์ผ่าน Brand Ambassador เพื่อสร้างกระแสและการเชื่อมต่อกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย (connect to target customer) แบรนด์ต้องการสื่อภาพลักษณ์ Young & Trendy จากเดิมที่เน้นเรื่องยีนส์เป็นหลัก มาสู่การปรับเปลี่ยนดีไซน์ของสินค้าให้ตามเทรนด์ เพิ่มลูกเล่นต่างๆ บนสินค้าให้ดูน่าสนใจ อย่างคอลเลกชัน Lee Iconic Logo ที่มีการใช้เทคนิคพิเศษที่หลากหลายบนโลโก้ อาทิ Die Cut การทำเท็กซ์เจอร์พิเศษ รวมถึงการนำเทคนิค Monogram ผสมในงาน Patchwork บนโลโก้หลากหลายสี แสดงออกถึงความสนุกสนาน โดยยังคงความเท่และมีสไตล์ในแบบของ Lee

        การใช้ Brand Ambassador หรือพรีเซ็นเตอร์กลับมานิยมอีกครั้งในยุคดิจิทัล ดิสรัปชั่น ทางแบรนด์มองว่ากลยุทธ์พรีเซ็นเตอร์เป็นเครื่องมือทางการตลาดและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ยิ่งเมื่อพรีเซ็นเตอร์มีคาแรคเตอร์ที่เข้ากับแบรนด์ได้อย่างชัดเจน นับเป็นการเบลนด์ระหว่างแบรนด์กับพรีเซ็นเตอร์ได้อย่างกลมกลืน เหตุผลการเลือกพรีเซ็นเตอร์คนล่าสุด เป็นหมาก-ปริญ สุภารัตน์ เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในกระดานจิ๊กซอว์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค เพราะภาพลักษณ์ความเป็นพระเอกที่จับต้องได้ของหมาก-ปริญ และไลฟ์สไตล์ที่สอดคล้องกับบุคลิกภาพของแบรนด์ Lee ที่เข้าถึงง่ายและสวมใส่ยีนส์ได้ในทุกๆ วัน

        “ปฏิเสธไม่ได้ว่า หมาก ปริญ มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน สไตล์การแต่งตัวที่ใส่ยีนส์ในชีวิตประจำวัน และไลฟ์สไตล์รักการเดินทางชอบค้นหาสิ่งใหม่ๆ และหมาก-ปริญเอง รู้จักแบรนด์ Lee เป็นอย่างดี เขามีความคุ้นเคย สวมใส่ Lee ในหลายๆโอกาส และเข้าใจอัตลักษณ์ความเป็น Lee เราต่างรู้ใจในกันและกัน นอกจากนี้ หมาก-ปริญ ยังสามารถใช้ออนไลน์แพลตฟอร์มของตัวเองเชื่อมต่อกับแฟนคลับ นั่นเป็นความเชื่อมโยงที่ลงตัวให้แบรนด์ได้ใกล้ชิดกับผู้บริโภคและเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายฐานลูกค้า ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ” คุณอำนาจกล่าว


คลิปวิดีโอ