วันอาทิตย์ ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 00:47น.

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.51 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงหนัก”

12 พฤศจิกายน 2024

        นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 34.51 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงหนัก” จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 34.31 บาทต่อดอลลาร์

        โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (กรอบการเคลื่อนไหว 34.30-34.59 บาทต่อดอลลาร์) กดดันโดยการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า ภายใต้การดำเนินนโยบายของรัฐบาล Trump 2.0 เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ได้ระบุไว้ใน Dot Plot เดือนกันยายน โดยล่าสุด จาก CME FedWatch Tool ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่า เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้งในปี 2025 (โอกาส 86%) ซึ่งน้อยกว่าการลดดอกเบี้ยทั้งหมด 4 ครั้ง ที่เฟดได้ระบุไว้ใน Dot Plot นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ รวมถึงการเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาด ได้กดดันให้ราคาทองคำ (XAUUSD) ปรับตัวลงหนักกว่า -60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เข้าใกล้โซนแนวรับแถว 2,600-2,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนใช้จังหวะดังกล่าวในการทยอยเข้าซื้อทองคำ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลง ทว่า เงินบาทก็ยังไม่ได้อ่อนค่าจากโซน 34.50-34.60 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นในตลาดเริ่มทยอยขายทำกำไรการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์บ้าง รวมถึงโฟลว์ธุรกรรมขายเงินดอลลาร์จากผู้เล่นในตลาดบางส่วน หลังเงินบาทอ่อนค่าใกล้โซนแนวต้าน 34.50 บาทต่อดอลลาร์

        บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง ท่ามกลางความหวังต่ออานิสงส์ของนโยบายต่างๆ ภายใต้รัฐบาล Trump 2.0 เช่น การลดภาษี และการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ดังจะเห็นได้จากการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มการเงิน (BofA +2.1%) และ Tesla +9.0% ทว่า บรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ กลับเผชิญแรงขายทำกำไรเพิ่มเติม อาทิ Nvidia -1.6%, Apple -1.2% ทำให้โดยรวม ดัชนี Dow Jones ปรับตัวขึ้น +0.69% ทว่า ดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.10%

         ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้น +1.13% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงินยุโรป อาทิ HSBC +1.3% สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐฯ หลังตลาดรับรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ นอกจากนี้ บรรดาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับทางทหารก็ปรับตัวขึ้นได้ดี อาทิ Safran +2.6%, Rolls Royce +3.4% ตามแนวโน้มที่สหรัฐฯ อาจกดดันให้กลุ่ม NATO ใช้จ่ายด้านการทหารมากขึ้น

        ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง หลังผู้เล่นในตลาดยังคงเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด ภายใต้รัฐบาล Trump 2.0 อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ก็ถูกชะลอลงบ้าง หลังผู้เล่นในตลาดบางส่วนต่างก็รอจังหวะทยอยขายทำกำไรธีม Trump Trades ทำห้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นสู่โซน 105.5 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 105.2-105.7 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมการเดินหน้าเปิดรับความเสี่ยงของผู้เล่นในตลาด ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวลดลงหนัก สู่โซน 2,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นบ้าง เนื่องจากผู้เล่นในตลาดบางส่วนยังคงต้องการถือทองคำ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ความไม่แน่นอนของแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจปรับฐานได้บ้าง หลังระดับราคา (Valuation) อยู่ในระดับที่แพงพอสมควร

        สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ โดยเฉพาะในส่วนของอัตราการเติบโตของค่าจ้าง ซึ่งจะมีผลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้ พร้อมกันนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ BOE เพื่อประกอบการประเมินทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของ BOE โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดมองว่า BOE มีโอกาสเพียง 22% ที่จะลดดอกเบี้ยต่อในการประชุมเดือนธันวาคมนี้

        ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน โดยเฉพาะในส่วนของเศรษฐกิจเยอรมนี ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (ZEW Economic Sentiment) ของเยอรมนี และยูโรโซน ในเดือนพฤศจิกายน

        และในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด โดยเฉพาะหลังรับรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มว่า รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถดำเนินนโยบายต่างๆ ตามที่หาเสียงไว้ได้พอสมควร หลังพรรครีพับลิกันมีโอกาสครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสได้

        นอกเหนือจากปัจจัยดังกล่าว เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในตลาดการเงินได้ 

       สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า การอ่อนค่าลงหนักของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมานั้น ทำให้ โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทมีกำลังมากขึ้น เปิดโอกาสให้เงินบาทยังสามารถทยอยอ่อนค่าลงต่อเนื่องได้ และมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 34.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก ทว่า การอ่อนค่าลงของเงินบาทนั้น อาจถูกชะลอลงบ้าง จากแรงขายเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาด ทั้งฝั่งผู้ส่งออก และฝั่งผู้เล่นในตลาดที่มีสถานะ Short THB (อาจรอจังหวะทยอยขายทำกำไรสถานะดังกล่าวได้) อีกทั้ง หากราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องได้ อย่างน้อย +20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากโซนแนวรับ ก็จะพอช่วยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้บ้าง

        อย่างไรก็ดี เงินบาทจะยังคงเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ ตราบใดที่ผู้เล่นในตลาดยังเชื่อว่า เฟดอาจลดดอกเบี้ยได้น้อยกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ล่าสุด ซึ่งมุมมองดังกล่าวจะหนุนทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ (ซึ่งก็เป็นปัจจัยที่คอยกดดันราคาทองคำได้เช่นกัน) นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนต่างชาติอาจเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติม อีกทั้ง ก่อนที่ตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญรายเดือนของจีน เงินหยวนจีน (CNY) ก็มีแนวโน้มอ่อนค่าลงได้บ้าง กดดันบรรดาสกุลเงินฝั่งเอเชีย

        ทั้งนี้ ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ เพราะหากภาพรวมตลาดแรงงานอังกฤษชะลอตัวลงชัดเจน อีกทั้งอัตราการเติบโตค่าจ้างชะลอลงกว่าคาด ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมาเชื่อว่า BOE อาจเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมได้ ซึ่งจะกดดันให้เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) มีโอกาสอ่อนค่าลงต่อได้เช่นกัน นอกจากนี้ ควรรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยได้

       ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงในตลาด ลักษณะ Two-Way Volatility ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงการปรับมุมมองต่อแนวโน้มนโยบายการเงินของบรรดาธนาคารกลางไปมา ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

        มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.40-34.65 บาท/ดอลลาร์

 


คลิปวิดีโอ