อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เดินหน้าสานต่อการจัดงาน อินเตอร์แมค (INTERMACH) 2025 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 41 ชูจุดแข็งงานแรกในไทยที่จัดแสดงเทคโนโลยี นวัตกรรมเครื่องจักรกล ระบบอัตโนมัติ และอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตที่ทันสมัยในภูมิภาค วางเป้าสู่การสร้างการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมภาคการผลิตขานรับเทรนอุตสาหกรรมการผลิตสู่การลดคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero Carbon เตรียมจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 14-17 พฤษภาคม 2568 ที่ไบเทค บางนา
การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (หรือ DX) และการเปลี่ยนแปลงพลังงานสีเขียว (หรือ GX) เป็นการทำงานร่วมกันสำหรับอุตสาหกรรมอัจฉริยะที่ยั่งยืน โดยเน้นการใช้งานแนวทางการผลิตที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ เครื่องมือดิจิทัลที่สามารถปรับการใช้พลังงานได้แบบเรียลไทม์ ปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านพลังงานสีเขียว การนำระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ รวมทั้ง ซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการปฎิบัติงานเพื่อลดของเสียที่เกิดขึ้นในสายการผลิต ทั้ง DX และ GX ล้วนเป็นแนวคิดที่ร่วมกันขับเคลื่อนความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม 4.0 และอุตสาหกรรมอื่นๆ ด้วยการส่งเสริมนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในขณะที่จัดการกับความท้าทายด้านความยั่งยืนที่กำลังทวีความจำเป็นมากขึ้นทุกขณะ ด้วยความสำคัญดังกล่าว อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้นำธุรกิจด้านการจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมสำหรับการเจรจาธุรกิจระดับนานาชาติ ยังคงเดินหน้าสานต่อการจัดงาน อินเตอร์แมค (INTERMACH) โดยมีหมุดหมายที่สำคัญในการ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางเครื่องจักรกล และอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตชั้นนำในภูมิภาคด้วยการนำโซลูชันและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ในภาคการผลิตในทุกกระบวนการ เพื่อขานรับการเปลี่ยนผ่านการผลิตในภาคอุตสาหกรรมสู่ยุคปลอดคาร์บอนในทุกห่วงโซ่อุปทาน
นายเมธาวัจน์ เศรษฐจินดาเจริญ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า อินฟอร์มาฯ ทำงานกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในทุกมิติ โดยเฉพาะในด้านภาคการผลิต ซึ่งที่ผ่านมาได้จับมือกับภาคีเครือข่ายในห่วงโซ่อุปทานกว่า 60 หน่วยงานจัดงานอินเตอร์แมคมาอย่างต่อเนื่องกว่า 4 ทศวรรษ และสำหรับอินเตอร์แมค 2025 อินฟอร์มาฯ ยังคงสานต่อการจัดงานโดยชูแนวคิด “Manufacturing Solution Towards Net Zero Carbon” หรือ โซลูชันภาคการผลิตสู่การลดคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ โดยมีเป้าหมายหลักในการจัดแสดงเทคโนโลยีและโซลูชันภาคการผลิตที่มีประสิทธิภาพอย่างรอบด้านในการเสริมแกร่งผู้ประกอบการไทย และที่สำคัญคือสร้างความพร้อมให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยปรับตัวในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ตามกรอบเป้าหมายของอุตสาหกรรมโลก
”สำหรับการจัดงาน อินเตอร์แมค 2025 นอกจากยังคงชูจุดแข็งในการรวบรวมโซลูชันอัจฉริยะที่รองรับความต้องการของผู้ประกอบการอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะความล้ำสมัยในมิติการจัดการที่มีประสิทธิภาพที่ตอบสนองกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมหลักโดยเฉพาะการรองรับโอกาสจากอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผู้เข้าร่วมงานจะได้พบกับ เครื่องมือกล (Machine Tools) รวมถึงเทคโนโลยีการวัดขั้นสูง ตลอดจนเทคโนโลยีเครื่องไฟเบอร์เลเซอร์กำลังวัตต์สูง หรือ เทคโนโลยี ชีท เมทัล (SHEET METAL) หรืองานโลหะแผ่นทั้งงานตัด เจาะ กลึง พับ เชื่อม หรือตรวจวัดมาจัดแสดงไว้อย่างครบครันในงานเดียว งานในปีนี้ยังเน้นในเรื่องของ เครื่องจักร ซอฟท์แวร์ ระบบอัตโนมัติหุ่นยนต์แขนกล มีการให้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Cyber Security สำหรับภาคอุตสาหกรรม และเทคโนโลยีอัตโนมัติละ ซอฟท์แวร์ ที่ร่วมผลักดันประสิทธิภาพการทำงานของ เครื่องจักร เครื่องมือกล และ เครื่องจักรเพื่องานโลหะแผ่น (Sheet Metal Technology) เพิ่มเติมมาจากในปีก่อน พร้อมกันนี้ภายในงานยังเชื่อมโยงนักอุตสาหกรรมในเอเชียจากสมาคมชั้นนำต่างๆ เข้าร่วมการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่สำคัญในภาคอุตสาหกรรมอนาคต รวมถึงมีการจัดประชุมและสัมมนาในหัวข้อที่สำคัญเพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่ เราเชื่อมั่นว่า เวที อินเตอร์แมคจะเป็นแกนกลางที่สำคัญในการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทยเปลี่ยนผ่านสู่ยุคเทคโนโลยีและโซลูชันที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์” นายเมธาวัจน์ กล่าวเสริม
ร่วมเป็นฟันเฟืองที่สำคัญ ในงานอินเตอร์แมค 2025 งานแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักรกล ระบบอัตโนมัติ และอุตสาหกรรมรับช่วงการผลิตเพื่อการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรมชั้นนำของอาเซียน ซึ่งปีนี้ยังคงสานต่อการจัดงานร่วมกับ งานซับคอน ไทยแลนด์ 2025 (Subcon Thailand 2025) งานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมและการจับคู่ธุรกิจชั้นนำของอาเซียน งานพลาสติกแอนด์รับเบอร์ไทยแลนด์ 2025 งานอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติกแห่งภูมิภาคอาเซียน รวมถึงงาน IAR (Industrial Automation and Robotics Event) โดยจะขึ้นระหว่างวันที่ 14-17 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ