วันอาทิตย์ ที่ 24 พฤศจิกายน 2567 12:56น.

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ส่งกุนซือมากฝีมือเสริมทัพแกร่งนั่งกุมบังเหียนกลุ่มประเทศอาเซียน 

9 พฤศจิกายน 2021

        อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ไม่หวั่นโควิดระลอกถัดไป ถึงเวลาที่ทุกคนต้องอยู่กับ “ชีวิตวิถีใหม่” – NEXT NORMAL LIFE ล่าสุดส่งผู้บริหารมากประสบการณ์ “เอียน โรเบิร์ต” รองประธานบริษัท – ภูมิภาคเอเชีย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ มาประจำประเทศไทย ดูแลวางกลยุทธ์กลุ่มประเทศอาเซียน รับมือความท้าทายทุกมิติ นำทัพเร่งเดินเครื่องจัดงานในรูปแบบไฮบริดแพลตฟอร์มตามแบบฉบับวิถีชีวิตใหม่ ตอกย้ำความเชื่อมั่น เตรียมจัดงานอีเวนท์ระดับโลกในปีหน้า ชูนวัตกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลผสมผสานกับงานแสดงแบบรูปแบบปกติ ภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก พร้อมปรับกลยุทธ์ส่ง อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กลุ่มประเทศอาเซียน ขึ้นแท่นบริษัทผู้จัดงานแสดงสินค้า Smart Event Organizer ผู้นำการจัดงานอย่างครบวงจร พร้อมตอบสนองเทรนด์แห่งอนาคตมุ่งสู่การทำธุรกิจอย่างยั่งยืน เติมเต็มความต้องการของพันธมิตรธุรกิจให้เติบโต คาดธุรกิจการจัดงานประชุม นิทรรศการและงานแสดงสินค้าในประเทศไทยเติบโตได้ในอนาคต

        มร.เอียน โรเบิร์ตส์ รองประธานบริษัท – ภูมิภาคเอเชีย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาบริหารอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเลือกประจำการอยู่ที่สำนักงานประเทศไทย เพราะมองเห็นถึงศักยภาพการเป็นฮับของการจัดงานการประชุมและงานแสดงสินค้าในระดับภูมิภาค โดยปัจจุบัน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทยนับว่าใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน ในปี 2563 สามารถสร้างสัดส่วนรายได้มากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ จากรายได้รวมหมดทั้งภูมิภาคอาเซียน แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยคาดหวังที่จะเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจการจัดแสดงสินค้ากลับสู่ภาวะปกติได้อีกครั้งในเร็ววัน หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกเริ่มคลี่คลาย และมีการปลดล็อกการเดินทางระหว่างประเทศในหลายประเทศทั่วโลก

         “ ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งสถานการณ์จะขึ้นอยู่กับการเดินทาง หลังประเทศต่าง ๆ เริ่มปลดล็อกให้ผู้คนได้เดินทางไปมาระหว่างกันอย่างสะดวกมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ธุรกิจกลับสู่การฟื้นตัว และกลับสู่จุดเดิมที่เคยเป็นได้อีกครั้งภายในปี 2566 โดยประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่แข็งแกร่งมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางงานแสดงสินค้าในระดับภูมิภาค จากหลากหลายปัจจัย โดยปีหน้าจะมีศูนย์การประชุมขนาดใหญ่พร้อมรองรับการจัดงานระดับนานาชาติถึงสามแห่ง และยังมีศักยภาพด้านของบุคลากร และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ตอบโจทย์ความต้องการในการจัดงาน ทั้งยังมีราคาที่พัก ร้านอาหารและค่าครองชีพที่เหมาะสม มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนต่างต้องการมาเยือน มีการจัดการบริหารธุรกิจ MICE อย่างเป็นระบบผ่านองค์กรอย่าง สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. จึงเชื่อมั่นว่าหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายประเทศไทยจะยังเป็นศูนย์กลางการจัดประชุมที่มีศักยภาพไม่เฉพาะแค่ในภูมิภาคอาเซียนแต่มีศักยภาพถึงระดับภูมิภาค” มร.โรเบิร์ตส์ กล่าว 

        ในด้านเป้าหมายในทางธุรกิจนั้น ตั้งเป้าที่จะบูรณาการการจัดงานรับเทรนด์ใหม่ของโลก โดยเดินหน้าจัดงานแบบไฮบริดแพลตฟอร์ม ซึ่งยังคงให้ความสำคัญกับการจัดงานแบบออนไซต์ที่จะต้องสมบูรณ์แบบมากที่สุดเพื่อให้การพบปะเจรจาธุรกิจแบบ Face to Face สร้างประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการจัดงานผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะจะช่วยอำนวยความสะดวกและคล่องตัวตามแบบชีวิตวิถีใหม่ที่เราคุ้นเคย ดังนั้น การจัดงานแบบปกติและออนไลน์จะต้องควบคู่กัน นั่นหมายถึง ผู้ร่วมออกงานและผู้มาชมงานได้กำไรสูงสุด และเป็นความท้าทายของทีมงานที่จะก้าวข้ามความพยายามในการรับมือกับการทำงานในรูปแบบใหม่ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Smart Event Organizer ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด พร้อมเป็นตัวกลางในการติดต่อประสานงานให้เกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจ โดยจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้เรียนรู้ในช่วงสองปีที่ได้รับผลกระทบจากโควิดและเดินหน้าเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้การจัดงานออนไลน์มีส่วนช่วยเติมเต็มให้การเข้าร่วมงานสะดวกมากขึ้น โดยเราจะต้องเป็นมากกว่าผู้จัดงานแต่จะเป็นผู้เชื่อมโยงธุรกิจที่มีศักยภาพ ไม่ได้เป็นแค่เราเป็นผู้จัดงานรายใหญ่ที่สุด แต่ต้องเป็นผู้จัดงานแสดงสินค้าและกิจกรรมเชื่อมโยงธุรกิจที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ยังได้เตรียมแผนงานพัฒนาบุคลากร เนื่องจากธุรกิจของเราไม่ได้มีสินค้าในมือแต่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของบุคคลเพื่อเชื่อมโยงและสร้างโอกาสธุรกิจ จึงต้องเพิ่มขีดความสามารถของทีมงานภายใต้การทำงานอย่างมีความสุขและเกิดประสิทธิผลอย่างสูงสุด และอีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือ การมุ่งสู่การทำธุรกิจอย่างยั่งยืนภายใต้แนวคิด Sustainable Development Goals (SDGs) ซึ่งเราได้เริ่มต้นและพยายามอย่างยิ่งยวด ในการดำเนินงานที่จะช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะกิจกรรมรณรงค์ในเรื่องการประหยัดพลังงาน หรือ การลดปริมาณการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองต่างๆ ในการจัดงานอีเวนต์ ซึ่งกิจกรรมด้าน SDGs ที่จะจัดขึ้น เราจะวางแนวทางให้สอดคล้องกับรูปแบบของงานแต่ละงาน ทั้งนี้การดำเนินงานจะครอบคลุมในทุก ๆ กระบวนการของการดำเนินธุรกิจของเราเช่นกัน มร.โรเบิร์ตส์ กล่าว  

        การปักหมุดบริหารกลุ่มประเทศอาเซียน ที่ประเทศไทยครั้งนี้ มร.โรเบิร์ตส์ แย้มแผนงานที่เตรียมสยายปีก  เพื่อตอกย้ำความมั่นใจในศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นผู้นำและเป็นศูนย์กลางการจัดงานแสดงสินค้าในภูมิภาค ด้วยการนำงานระดับโลกปักหมุดจัดที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกเพื่อมาเสริมความแกร่งร่วมกับ 10 งานใหญ่ของอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทยที่จัดเป็นประจำทุกปี  อาทิ งาน  Cosmoprof CBE ASEAN งานจัดแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจความงามซึ่งประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมมาแล้วจากการจัดในประเทศอิตาลี, ฮ่องกง,จีน และอินเดีย งาน Jewellery and Gem ASEAN Bangkok งานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับแห่งภูมิภาคอาเซียน โดยการร่วมมือกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เอเชีย ผู้จัดงาน อัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเรามั่นใจว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางในการเป็นฮับของอุตสาหกรรมนี้ในภูมิภาคได้อย่างแน่นอน โดยคาดการณ์ว่าธุรกิจการจัดงานประชุม นิทรรศการและงานแสดงสินค้าโดยมองว่าในประเทศไทยจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2566 ตั้งเป้ารายได้ของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จากการจัดงานต่างๆ ในประเทศไทย จะกลับสู่ภาวะปกติได้อีกครั้งภายในปี 2566 เช่นกัน 

        ในส่วนการบริหารงานของประเทศไทย นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า จากการเผชิญหน้ากับโควิดตั้งแต่ครั้งแรกในปี 2563 ทำให้เราสามารถจัดงานได้แค่ 3 งานจากอย่างน้อย 8 งาน ซึ่งทั้ง 3 งานได้ปรับการจัดงานเป็นรูปแบบไฮบริดที่มีทั้งออนไซต์ (Physical Event) และออนไลน์  งาน INTERMACH & SUBCON Thailand 2020 งาน ASEAN SUSTAINABLE ENERGY WEEK 2020 และงาน ProPak Asia 2020 เป็นต้น และจากสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงขึ้นในปีนี้ เราได้เผชิญกับความท้าทายใหญ่เพราะไม่สามารถจัดงานในรูปแบบปกติได้เลย แต่ท่ามกลางวิกฤตเราได้เห็นโอกาสทางธุรกิจ และการประสานพลังกับพันธมิตรทางธุรกิจของเราทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ได้จับมือฝ่าวิกฤตไปด้วยกัน เพื่อให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมได้เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ เรียนรู้ และเปิดประสบการณ์ในการจัดงานในรูปแบบใหม่บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างครบวงจร ในรูปแบบ Virtual Event อาทิ งาน Propak Connect,  Fi Asia Online Event 2021 งาน Subcon Thailand & Intermach งาน ASEAN Sustainable Energy Week and Pumps & Valves Asia – Virtual Edition และงาน Food & Hotel Thailand x Thailand Sourcing Festival เป็นต้น โดยปีนี้ทั้งปีเรายังได้จัดสัมมาออนไลน์ร่วม 80 หัวข้อ การจับคู่ธุรกิจออนไลน์ถึง 6 ครั้ง และกิจกรรมทางด้านดิจิตอลอื่นๆกว่า 12 ครั้งครอบคลุมเกือบทุกอุตสาหกรรมสำคัญ 

        และในปี 2565 เราจะเดินหน้าจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบออนไซต์ (Physical Event) ผนวกเข้ากับความล้ำหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัล (Virtual Event) เพื่อก้าวสู่การจัดงานในรูปแบบ Smart Event อย่างเต็มสูบ นอกจากงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติที่จะเริ่มจัดในปีหน้า เพื่อส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ กลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้เรามีแผนขยายงานออกไปในภูมิภาคต่างๆ อาทิงาน MIRA (Maintenance Industrial Robotic and Automation Event) งานแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมซ่อมบำรุง หุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบบอัตโนมัติ และโซลูชัน เพื่อเจาะกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภายในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่ใหญ่ครอบคลุม 3 จังหวัดเศรษฐกิจ และเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีการเติบโตมากที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย

        สำหรับการเข้ามาบริหารธุรกิจในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนของ คุณโรเบิร์ตส์ ซึ่งได้เลือกประเทศไทยเป็นฐานในการบริหารงานนั้น ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานในระดับนานาชาติได้เป็นอย่างดี รวมถึงทำให้เกิดการหารือ วิเคราะห์ ตัดสินใจร่วมกันได้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขัน มั่นใจว่าจะทำให้ธุรกิจเดินหน้าไม่หยุดนิ่งและสามารถพัฒนาได้แบบก้าวกระโดดอย่างแน่นอน” นายสรรชาย กล่าวปิดท้าย


คลิปวิดีโอ