บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2564 สูงเป็นประวัติการณ์ด้วยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ผลักดันความต้องการต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในทุกภูมิภาคทั่วโลก พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมด้วยกลยุทธ์ใหม่ภายใต้ “วิสัยทัศน์ปี 2573” (Vision 2030)
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “ในปี 2564 เราได้พิสูจน์ความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจของเราทั่วโลก และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของเราแบบบูรณาการตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของโพลีเอสเตอร์ สองปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งเป็นบททดสอบต่อความแข็งแกร่งของรูปแบบการดำเนินธุรกิจของเราและต่อความคล่องแคล่วในการปรับตัวของทีมงานของเรา โดยการปรับแผนธุรกิจของเราใหม่ทั้งหมดให้สอดคล้องกับยุคแห่งวิถีชีวิตใหม่ทำให้มั่นใจอย่างมากต่อโมเดลการดำเนินธุรกิจ กลยุทธ์ และทีมงานของเรา และด้วยวิสัยทัศน์ปี 2573 ของเรา ไอวีแอลพร้อมสำหรับก้าวต่อไปบนเส้นทางของเราที่มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรม”
ในปี 2564 ไอวีแอลมี Core EBITDA เท่ากับ 1,743 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 55 เมื่อเทียบปีต่อปี) ด้วยปริมาณผลิต 14.72 ล้านเมตริกตัน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบปีต่อปี) รายได้จากการขายรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 38 เมื่อเทียบปีต่อปี เท่ากับ 14,629 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นผลจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว และรูปแบบการดำเนินธุรกิจของไอวีแอลที่มีความยืดหยุ่นได้รับผลประโยชน์จากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ราคาพลังงานที่สูงขึ้น และการชะงักของห่วงโซ่อุปทาน
สถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคที่ดีขึ้นช่วยส่งเสริมผลการดำเนินของไอวีแอล ซึ่งรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลต่างๆ สำหรับตลาดสินค้าคุณภาพสูงในฝั่งตะวันตก ค่าขนส่งระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากราคาในท้องถิ่นที่ปรับขึ้นเทียบเคียงกับราคาสินค้านำเข้า โดยในไตรมาสที่ 4 การประกาศใช้นโยบายควบคุมแบบคู่ (dual control policy) ของประเทศจีนช่วยเพิ่มกำไรสำหรับผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์
Combined PET ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหญ่ที่สุดของไอวีแอลมี Core EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เป็น 1,103 ล้านเหรียญสหรัฐในสถานการณ์ที่ความต้องการสูงและสินค้าคงคลังต่ำ บริษัทฯ คาดว่าการทำสัญญาใหม่กับคู่ค้าในปี 2565 จะสามารถได้ราคาขายตามราคาตลาดที่ปรับขึ้นเทียบเคียงกับราคาสินค้านำเข้า อันเป็นผลกระทบจากอัตราค่าขนส่งระหว่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น กลุ่มธุรกิจดังกล่าวคาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากกำไรที่ดีขึ้นในปี 2565
กลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides & Derivatives (IOD) มี Core EBITDA เท่ากับ 377 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 228 จากปีก่อน ด้วยราคาน้ำมันที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปี 2565 กลุ่มธุรกิจ IOD จะยังคงได้รับผลประโยชน์จากการใช้เชลก๊าซ สเปรดของ MEG ที่กำลังเพิ่มขึ้น และการดำเนินเอทิลีนแครกเกอร์ที่Lake Charles (IVOL) ซึ่งกลับมาเดินหน้าเมื่อปลายปี 2564 ในส่วนของการเข้าซื้อกิจการ Oxiteno ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในครึ่งแรกของปี 2565 จะช่วยส่งเสริมให้กลุ่มธุรกิจ IOD มีผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร นวัตกรรมพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความหลากหลายเชิงภูมิศาสตร์
สำหรับกลุ่มธุรกิจ Fibers มี Core EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เท่ากับ 268 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ส่วนกำไรปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากอุปทานในตลาดที่มีอย่างจำกัดและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ แต่ยังมีการชะลอตัวจากการขึ้นราคาพลังงานและสินค้าอุปโภคบริโภค ในขณะที่การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นใยสำหรับยานยนต์
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานของไอวีแอลเป็นผลมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคหลายปัจจัย อาทิ ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงของอุปทาน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่กำลังฟื้นตัวตามการฉีดวัคซีนที่ดำเนินการตลอดทั้งปีที่สองของการแพร่ระบาด ปัจจัยเหล่านี้นำไปสู่กำไรที่ดีขึ้น และเป็นผลดีต่อเราในฐานะผู้จัดหาผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคที่ได้รับความนิยม เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ โครงการปรับเปลี่ยนทั่วทั้งองค์กรของเราซึ่งได้เริ่มต้นเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา กำลังเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานได้รวดเร็วกว่าที่วางแผนไว้ ด้วยโลกกำลังฟื้นตัวจากการแพร่ระบาด เรามีความมั่นใจยิ่งขึ้นว่ารูปแบบการดำเนินธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นของไอวีแอลจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตสู่ปี 2567 ในอนาคต”
แผนธุรกิจปี 2565 – 2567
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ณ งาน Capital Markets Day ประจำปี ไอวีแอลประกาศแผนธุรกิจระยะ 3 ปีที่จะยกระดับการดำเนินธุรกิจทั่วโลก รวมทั้งโครงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ และการบูรณาการระดับสูงใน 3 กลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อผลักดันการเติบโตของรายได้ ดึงประสิทธิผล และเพิ่มความสามารถในการผลิต
ไอวีแอลจะเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างธุรกิจ บุคลากร และเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบการทำงานเพื่อปลดล็อกศักยภาพอย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการเติบโตของ EBITDA และบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากเงินทุน (Return on Capital Employed: ROCE) กว่าร้อยละ 15 ภายในปี 2567 การจัดสรรเงินทุนอย่างเป็นระบบสำหรับกระแสเงินสดมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐจะสร้างโอกาสต่างๆ ในการตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
โครงการ Olympus หรือโครงการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและเพิ่มประสิทธิผลของไอวีแอล มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้สำหรับปี 2565 บริษัทฯ จึงได้ตั้งเป้าหมายที่สูงขึ้น โดยคาดหวังให้มี EBITDA ส่วนเพิ่มที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมูลค่ากว่า 650 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2567
วิสัยทัศน์ปี 2573
ไอวีแอลได้กำหนด “วิสัยทัศน์ปี 2573” โดยตั้งเป้าสร้างการเติบโตภายในที่มีความยั่งยืนเป็นสำคัญ ซึ่งได้รับชี้นำจากแก่นสำคัญขององค์กร (Purpose) ที่กำหนดขึ้นใหม่ นั่นคือ“Reimagining Chemistry Together to Create a Better World” ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ปี 2573 จะนำไอวีแอลมุ่งสู่เส้นทางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero
ภายใต้วิสัยทัศน์ปี 2573 ไอวีแอลวางแผนที่จะลงทุนในเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนที่เกิดจากการผลิตของบริษัทฯ เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน และลดการใช้ถ่านหิน บริษัทฯ จะลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจรีไซเคิล PET และเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์สารตั้งต้นเชิงชีวภาพประมาณ 1 ใน 3 ของห่วงโซ่คุณค่าที่มีพื้นฐานจากโพลีเอสเตอร์ นอกจากนี้ มาตรการเพิ่มเติมที่จะเตรียมองค์กรให้พร้อมสำหรับอนาคต ได้แก่ การพัฒนาผู้นำที่มี growth mindset และการให้อำนาจการตัดสินใจด้วยเครื่องมือการบริหารที่ถูกต้องเหมาะสม
นายอาลก กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปี 2564 ได้พิสูจน์ความรวดเร็วในการปรับตัวที่อยู่คู่ไอวีแอลมาตั้งแต่ก่อตั้ง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เราสามารถพลิกการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในช่วงเวลาต่างๆ ที่ผ่านมาให้เป็นประโยชน์ต่อองค์กร การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันเกิดขึ้นในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยการปรับธุรกิจของเราใหม่ทั้งหมดให้สอดคล้องกับยุคแห่งวิถีชีวิตใหม่ชี้ให้เห็นความสำคัญของการปรับเป้าหมายระยะยาวของเราด้วย เพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรม สารตั้งต้นของเรามากกว่าร้อยละ 80 มีความเกี่ยวข้องกับโพลีเอสเตอร์ ซึ่งสามารถนำไปใช้งานใหม่ในเชิงชีวภาพหรือหมุนเวียนได้ เรามั่นใจในความสามารถของเราที่จะบรรลุวิสัยทัศน์ปี 2573 ที่ท้าทาย ซึ่งจะสร้างคุณค่าเพิ่มเติมให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย ภายใต้ Purpose ของเราที่ต้องการยกระดับเคมีภัณฑ์เพื่อร่วมสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น- Reimagining Chemistry Together to Create a Better World”