FTREIT เผยครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค. 2565 – มี.ค. 2566) กวาดรายได้รวม 1,867.3 ล้านบาท เติบโต 3.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรจากการลงทุนสุทธิที่ 1,271.6 ล้านบาท ผลประกอบการไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2566 (ม.ค. – มี.ค. 2566) บันทึกรายได้ 935.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% โดยมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 635.9 ล้านบาท อัตราการเช่า ณ 31 มีนาคม 2566 สูงถึง 88% ถือเป็นนิวไฮ (New High) ตั้งแต่การก่อตั้งกองทรัสต์ฯ ประกาศจ่ายผลตอบแทนไตรมาสที่ 2 แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในอัตรา 0.1870 บาทต่อหน่วย
บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FIRM” ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ “FTREIT” เปิดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565 – มีนาคม 2566) กวาดรายได้รวม 1,867.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิอยู่ที่ 1,271.6 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 2 ปีงบประมาณ 2566 (มกราคม – มีนาคม 2566) รายได้รวมเติบโตขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีรายได้รวม 935.2 ล้านบาท กำไรจากการลงทุนสุทธิ 635.9 ล้านบาท
ปัจจัยหลักของการเติบโตในไตรมาส 2 มาจากการบริหารพอร์ตโฟลิโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีสัดส่วนพื้นที่เช่าและอัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น ผนวกด้วยดีมานด์เพิ่มเติมจากผู้เช่าที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และโลจิสติกส์ ทำให้ ณ สิ้นสุดไตรมาส 2 สามารถเพิ่มอัตราการเช่า (Occupancy Rate) ได้สูงถึง 88% ถือเป็นนิวไฮ (New High) ตั้งแต่การก่อตั้งกองทรัสต์ฯ
นายธนะรัชต์ บุญญะโกศล กรรมการผู้จัดการ FIRM กล่าวว่า FTREIT สร้างผลงานได้เป็นที่น่าพอใจตามเป้าหมายในครึ่งปีแรก โดยผู้เช่าโรงงานเติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญจากเมกะเทรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) และนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นฮับการผลิตรถ EV ในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้เช่าสำคัญยังสามารถรักษาการเติบโตได้ดี ขณะเดียวกัน ยุทธศาสตร์ China Plus One ยังคงส่งผลให้นักลงทุนมองหาฐานการผลิตในประเทศอื่นเพิ่มเติมนอกจากประเทศจีน ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในหมุดหมายการลงทุนที่นักลงทุนต่างให้ความสนใจ ส่งผลให้ FTREIT ได้รับอานิสงส์จากส่วนนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ FTREIT ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำไตรมาสที่ 2/2566 ในอัตรา 0.1870 บาทต่อหน่วยทรัสต์ กำหนดจ่ายในวันที่ 1 มิถุนายน 2566 ซึ่งเมื่อรวมกับไตรมาสก่อน FTREIT จ่ายเงินปันผลในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2566 รวม 0.3740 บาทต่อหน่วยทรัสต์
“สำหรับการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง FIRM ตั้งเป้ารักษาฐานผู้เช่ารายเดิม และรุกหน้าหาผู้เช่ารายใหม่เข้าพอร์ตโฟลิโอให้แก่ FTREIT เพื่อรักษาสถานะกองทรัสต์อุตสาหกรรมที่มีขนาดพื้นที่ให้เช่าที่ใหญ่ที่สุดในไทย ด้วยพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการในปัจจุบันกว่า 2.13 ล้านตารางเมตร พร้อมมุ่งหน้าสู่การขยายพอร์ตโฟลิโออีก 200,000 ตารางเมตรภายในปีนี้” นายธนะรัชต์กล่าวเสริม