วันอังคาร ที่ 26 พฤศจิกายน 2567 23:16น.

“โฟร์โมสต์” พาเปิดเหตุผล ทำไม “นม” ถึงเป็นโอกาสสำคัญของชีวิต

24 พฤศจิกายน 2023

        การผลักดันให้คนทั่วโลกเข้าถึงโภชนาการที่ดี เป็นนโยบายที่หลายภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลองค์กรสาธารณสุข รวมทั้งกลุ่มธุรกิจเอกชนให้ความสำคัญและมีการดำเนินงานอย่างจริงจัง โดยต่างมุ่งหวังให้ประชากรในทุกระดับมีพัฒนาการที่ดีตั้งแต่แรกเกิด ต่อเนื่องถึงวัยเจริญพันธุ์ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงวัยต่าง ๆ ที่ร่างกาย เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงโภชนาการที่ดีในปัจจุบันนั้นก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยังท้าทายอย่างมากสำหรับทุก ๆ ภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่เพียงปริมาณอาหารที่ขาดแคลน แต่ฝังรากลึกไปถึงคุณค่าทางโภชนาการที่ทุกคนควรได้รับ และสิ่งเหล่านี้ไมได้ส่งผลกระทบแค่เพียงระดับบุคคลแต่มีผลอย่างมากกับภาพใหญ่ในระดับประเทศ

        สำหรับการส่งเสริมให้เข้าถึงโภชนาการที่ดีมีการดำเนินงานผ่านหลายรูปแบบ ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่เป็นรูปธรรมก็คือ “การดื่มนม” แหล่งรวมสารอาหารที่มีความสำคัญกับทุกช่วงวัย และเป็นอาหารที่จำเป็นตลอดห่วงโซ่ชีวิต โดยนมยังเป็นอาหารขั้นพื้นฐานที่ส่งเสริมให้เข้าถึงได้ง่ายที่สุด เนื่องด้วยอายุในการจัดเก็บ สารอาหารที่รวมอยู่ใน บรรจุภัณฑ์ ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการดื่มนมที่กว้างขึ้น วันนี้ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มยอดนิยมของคนไทย และส่งเสริมให้ทุกคนได้รับโภชนาการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง จะพาไปดูเหตุผลกันว่าทำไมการดื่มนมจึงเป็นเรื่องจำเป็นและให้มากกว่าพัฒนาการที่ดีทางด้านร่างกาย และเมื่อทุกคนได้ดื่มนมอย่างสม่ำเสมอจะเกิดข้อดีอะไรกับชีวิตขึ้นบ้าง

        การดื่ม “นม” ทุกวันจะดีในเรื่องของภูมิคุ้มกัน การลดความเสี่ยง และความผิดปกติของร่างกาย เช่น ระบบการย่อยอาหารที่ดีขึ้น ร่างกายที่สดชื่นขึ้นเมื่อดื่มนมควบคู่ไปกับมื้ออาหาร ทำให้มีพลังงานที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งการเรียน การทำงาน ยิ่งนมที่มีสารอาหารจำเป็นอย่างเช่น DHA โอเมก้า 3,6,9 วิตามิน B12 วิตามิน C แคลเซียม ใยอาหาร ฯลฯ จะยิ่งช่วยเติมเต็มการได้รับสารอาหารที่เพียงพอในแต่ละมื้อให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น อีกยังช่วยลดการแก่ชรา เพราะนมช่วยรักษาสภาพความเสื่อมทางร่างกาย เช่น ผิวหนัง กระดูก ได้อีกด้วย

        การดื่ม “นม” มีส่วนช่วยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนแต่ละช่วงวัยมีสุขภาพที่แข็งแรง ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคต่าง ๆ โดยจะสามารถสังเกตได้ว่ากลุ่มประเทศที่มีเข้าถึงการดื่มนมที่เพียงพอ ประชากรส่วนใหญ่จะมีสุขภาพที่ดี ร่างกายแข็งแรง ความผิดปกติทางด้านร่างกายจะน้อยกว่าพื้นที่ที่ประชากรยังไม่สามารถเข้าถึงการดื่มนม หรือได้รับโภชนาการที่ดี ทั้งนี้ สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงนั้นเป็นอีกตัวแปรที่ทำให้ปัญหาค่าใช้จ่ายทางสาธารณสุข หรือการรักษาโรคต่าง ๆ ถูกลดลงตามไปด้วย และการมีสุขภาพดียังเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ เพราะการเติบโตทั้งหมดล้วนขับเคลื่อนด้วยแรงงานและความพร้อมของมนุษย์

        การดื่ม “นม” ช่วยขจัดปัญหาความหิวโหย ซึ่งประเด็นท้าทายตามนโยบายด้านความยั่งยืนโลก โดยนมถือเป็นหนึ่งในชนิดของอาหารที่ช่วยลดระดับหรือควบคุมความหิวโหยได้ ไม่ว่าจะเป็นในมื้อหลัก ระหว่างมื้ออาหาร การรับประทานอาหารในช่วงเวลาเร่งด่วน อีกทั้งยังเป็นผลิตภัณฑ์สามัญประจำบ้านที่ทุกคนสามารถมั่นใจได้ว่าทุกครั้งที่รู้สึกหิว เมื่อหยิบนมมาดื่มจะได้ทั้งการอิ่มท้อง ได้สารอาหารที่ดีต่อร่างกาย ทั้งนี้ ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าการสนับสนุนนมเพื่อเติมเต็มและลดปัญหาความหิวโหย เป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพ ช่วยอุดช่องว่างทางโภชนาการได้ดีที่สุดวิธีหนึ่ง และยังทำให้สังคมบรรลุความยั่งยืนได้จากการแบ่งปัน

        การดื่ม “นม” ช่วยสร้างการเติบโตในมิติเกษตรอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีการเลี้ยงโคนม เนื่องด้วยการเข้าถึงการบริโภคนมที่เพิ่มขึ้นสามารถสร้างโอกาสด้านรายได้ ตั้งแต่การผลิต การจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีนมเป็นส่วนประกอบ ไปจนถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องเช่น การผลิตอาหาร ร้านอาหาร หรือแม้แต่กระทั่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างการเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น

        ยิ่งดื่ม “นม” ยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องพัฒนาการทางด้านความสูงการมีสรีระที่สมส่วนที่สามารถนำไปต่อยอดแนวทางอื่น ๆ ได้เช่น การเป็นนักกีฬา อาชีพที่เด็กรุ่นใหม่มีความใฝ่ฝันที่จะเข้าสู่วงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อาชีพที่ต้องอาศัยบุคลิกภาพ รวมไปถึงโอกาสที่มากกว่าในการเข้าถึงการศึกษา เนื่องจากการดื่มนมที่มีสารอาหารหลัก – สารอาหารรองจะช่วยเสริมในเรื่องไอคิว ทำให้มีสติปัญญาที่ดีและพร้อมต่อการเรียนรู้ สามารถจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น ทั้งนี้การดื่มนมมีความสัมพันธ์ต่อการทำงานของสมองในช่วงแรกเกิด – วัยเริ่มเข้าการศึกษา และทุกครอบครัวควรให้เด็กได้รับการดื่มนมในระดับที่ต่อเนื่อง

         นายวิภาส ปวโรจน์กิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาที่โลกผ่านพ้นจากสถานการณ์การระบาดโรคโควิด – 19 สถานการณ์ดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดและภาพสะท้อนถึงปัญหาทุพโภชนาการที่ชัดเจนในหลาย ๆ ภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและครอบครัวเปราะบางที่ยังคงขาดการได้รับโภชนาการที่ดี สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ภาพที่เห็นการดำเนินชีวิตของเด็กทั่วไปที่นั่งเรียน ทำกิจกรรม เล่นกันอย่างสนุกสนาน แท้จริงแล้วภาพเหล่านั้นแฝงไปด้วยภาวะขาดโภชนาการ เช่น ภาวะเตี้ยแคระเกร็น ภาวะโภชนาการเกิน เช่น น้ำหนักเกินและโรคอ้วน ปัญหาการขาดสารอาหารรองหรือไมโครนิวเทรียนส์ เด็กที่อายุ 6 เดือน – 12 ปี ได้รับแคลเซียมที่ยังไม่ถึงเกณฑ์ที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน เป็นต้น

         โดยประเด็นที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฟรีสแลนด์คัมพิน่า (ประเทศไทย) เห็นมาอย่างต่อเนื่อง และเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อเติมเต็มโอกาสสำคัญที่ผู้บริโภค คนในสังคม และเศรษฐกิจควรได้รับผ่านการใช้ศักยภาพขององค์กรอย่างการเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ตรงกับบริบทที่สังคมกำลังเผชิญและส่งต่อไปสู่กลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการดื่มนมให้อยู่ในวิถีชีวิตของคนไทยและเด็กไทย ซึ่งตลอดการดำเนินงานเห็นถึงสัญญาณที่ดีทั้งในภาพของการเป็น Trend Setter ในการนำงานวิจัยมาสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์ เกิดความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วนที่พร้อมเติมเต็มภาวะโภชนาการคนไทยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นในรูปแบบ Sharing ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ยังคงเหมาะสมต่อโลก ประเทศไทย และแก้ Pain Point ได้ตรงจุด

 

        “หนึ่งในโครงการเพื่อส่งต่อโภชนาการที่ดีและเติมเต็มโอกาสที่ได้จากการดื่มนมของฟรีสแลนด์คัมพิน่า คือ “โฟร์โมสต์ส่งต่อรอยยิ้มให้เด็กไทย” โดยในปีนี้ได้จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 และได้ดึงความร่วมมือจากหลายองค์กรทั้งพาร์ทเนอร์หลักอย่างมูลนิธิกระจกเงา ผู้บริโภค กลุ่มร้านค้า มาร่วมกันส่งมอบนมพร้อมดื่ม UHT สำหรับเด็ก โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 จำนวน 3,000,000 กล่อง คิดเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ให้แก่เด็กและครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือ โดยในปีนี้ได้ส่งมอบไปแล้ว 86 ชุมชน และได้รับการตอบรับที่ดีเป็นอย่างยิ่งทั้งจากผู้ที่เข้าใจถึงความจำเป็นในด้านการดื่มนมอย่างกลุ่มคุณแม่ ครอบครัว องค์กรธุรกิจ รวมถึงหน่วยงานเพื่อสังคม นอกจากนี้ ยังได้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมูลนิธิกระจกเงาที่พร้อมจะเป็นผู้สะท้อนสิ่งที่ขาดและเติมเต็มสิ่งเหล่านั้นกลับไปสู่สังคมอีกด้วย”

        นายวิภาส กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ในทางตลาดผลิตภัณฑ์อย่างนมพร้อมดื่ม UHT โฟร์โมสต์ โอเมก้า 369 จะมีการครองตำแหน่งส่วนแบ่งทางตลาด 41 % แต่ตัวเลขเหล่านี้อาจไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดทั้งหมด เพราะเรายังมีไมล์สโตนที่จะเป็นผู้ผลิตอาหารอันดับต้น ๆ ที่ทุกคนนึกถึงในด้านความครบครันของโภชนาการที่ผู้บริโภคทุกคนจะได้รับในทุก ๆ วัน การเป็นองค์กรที่พร้อมแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ ให้กับสังคม เช่น ข้อมูลสำคัญ งานวิจัย โอกาสจากกิจกรรมต่าง ๆ ที่บริษัทสนับสนุน และท้ายที่สุดยังมุ่งหวังว่าประเด็นความท้าทายใด ๆ ก็ตามที่คนในสังคมยังไม่สามารถเข้าถึงได้ช่องว่างเหล่านั้นจะต้องแคบลง หรือเกิดรอยรั่วน้อยที่สุด แม้จะสวนทางกับความไม่แน่นอนหรือภาวะเศรษฐกิจในรูปแบบใดก็ตาม


คลิปวิดีโอ