‘อีสเทอร์น สตาร์’เผยผลงานไตรมาส 1/2567 ดันยอดขายโตทะลุกว่า 510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75% QoQ พร้อมเปิดแผนปี 67 ลุยพัฒนาบ้านและทาวน์โฮม พรีเมียม กลาง-บน เตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ระยอง-กรุงเทพ มูลค่ารวมกว่า 1,600 ล้านบาท ปักธงรับรู้รายได้สิ้นปีโตเพิ่มกว่า 40%
นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ยังเป็นปีที่ ESTAR เติบโตอย่างสดใส โดยบริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และบ้านระดับลักชัวรี (Luxury) เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าในหลากหลายเซ็กเมนต์ บนทำเลศักยภาพสูงทั้งในโซนกรุงเทพ และจังหวัดระยองที่เป็นดาวเด่นเนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรม สนามบิน นานาชาติ อู่ตะเภา และประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น อีกทั้งยังมีเส้นทางคมนาคมที่หลากหลาย
โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม สามารถทำยอดขายปี 2566 ได้ถึง 1,580 ล้านบาท สูงทะลุเป้าที่วางไว้ ซึ่งเติบโตกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้งในไตรมาส 1/2567 บริษัทยังสามารถดันยอดขายนิวไฮ แตะถึง 510 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 75% เมื่อเปรียบเทียบกับ Q1 ปี 2566 ที่มูลค่าเพียง 292 ล้านบาท ขณะที่ยอดโอนไตรมาสแรก อยู่ที่ 300 ล้านบาท โตเพิ่ม 21% QoQ โดยแบ่งสัดส่วน ยอดขายโครงการในกรุงเทพ ทั้งแนวสูงและแนวราบ ไตรมาสแรก มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ซึ่งมียอดโอนที่ 165 ล้านบาท สำหรับยอดขายโครงการแนวราบใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จะอยู่ที่กว่า 109 ล้านบาท มียอดโอนที่ มูลค่า 135 ล้านบาท
“ทิศทางอสังหาฯ ในปี 2567 นี้ ยังมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง โดยปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภาคอสังหาฯ ให้ดีขึ้นได้ หลักๆ ควรจะเป็น การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อบ้าน จากทางภาครัฐ รวมถึงมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองเหลือ 0.01% ก็ยังเป็นแรงส่งที่ดีที่ทำให้ภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์คึกคักอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ESTAR ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง โดยปี 2567 ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ ในช่วง Q1-Q3/2567 เป็นต้นไป มูลค่ารวมกว่า 1,600 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ทำเลโซน บ้านฉาง จังหวัดระยอง จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว VELANA HYDE อู่ตะเภา-บ้านฉาง ระยอง มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5-9 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว GRAND VELANA POOL VILLA บ้านฉาง ระยอง จำนวน 6 หลัง มูลค่าโครงการ 120 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท และในพื้นที่กรุงเทพ 1 โครงการ โครงการ ESTON ลาดกระบัง- สุวรรณภูมิ ทาวน์โฮม 2-3 ชั้น มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 3.29-5 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมดันโครงการในมือ รวมทั้งสิ้น 11 โครงการ ในปีนี้
แนวทางการพัฒนาโครงการในปีนี้ บริษัทยังคงประเมินตามทิศทางภาพรวมของตลาดล่วงหน้า โดยฝ่าหลายปัจจัย อาทิ หันมาจับกลุ่มตลาดกลาง-บน มากขึ้น เนื่องจากกลุ่มนี้ยังมีดีมานด์ต่อเนื่องและยังมีกำลังซื้อได้แม้อัตราดอกเบี้ยจะขยับตัว นอกจากนี้ยังจับกลุ่มชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ชาวจีน ไต้หวัน รัสเซีย และพม่า ที่กำลังเผชิญปัญหา ความขัดแย้งและความมั่นคงภายในประเทศ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ยังสนใจอสังหาริมทรัพย์ไทย โดยราคาอสังหาริมทรัพย์ของไทยราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทำให้กลุ่มชาวต่างชาติยังคงทยอยเข้ามาซื้อเพื่ออยู่อาศัย ลงทุนปล่อยเช่า และแม้แต่เข้ามาร่วมทุนพัฒนาโครงการฯ สอดรับกับ 3 โครงการใหม่ที่เตรียมเปิดในปีนี้ของ ESTAR ได้แก่
โครงการ VELANA HYDE อู่ตะเภา-บ้านฉาง ระยอง เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 128 หลัง มูลค่าโครงการประมาณ 800 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับ Mid-High Level ซึ่งบริษัทได้ต่อยอดจากความสำเร็จของโครงการ Velana Amoda ที่ผ่านมา ในทำเลเดียวกัน โดยวางคอนเซ็ปต์ Luxury Classic สะท้อนความงดงาม สมบูรณ์แบบของการใช้ชีวิต โดยการออกแบบตัวบ้านและโครงการได้รับแรงบันดาลใจจาก สถาปัตยกรรมยุโรป อีกทั้งยังมี โครงการ GRAND VELANA POOL VILLA บ้านฉาง ระยอง จำนวน 6 หลัง มูลค่าโครงการกว่า 120 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 15 ล้านบาท โดยวางคอนเซ็ปต์ บ้านหรูสไตล์รีสอร์ท การพักผ่อนที่เหนือระดับใจกลางสนามกอล์ฟ รายล้อมด้วยสังคมคุณภาพ โดยวางกลุ่มเป้าหมายรองรับลูกค้าระดับผู้บริหารที่ทำงานบริษัทในนิคมฯ มาบตาพุด กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าของกิจการ รวมถึงลูกค้าในบริเวณบ้านฉาง ซึ่งถือว่ามีกำลังซื้อศักยภาพสูง และโอกาสรีเจ็กต์เรต (Reject Rate) อยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยมาก
นอกจากนี้โครงการ ESTON ลาดกระบัง-สุวรรณภูมิ ทาวน์โฮม 2-3 ชั้น จำนวน 160 ยูนิต ก็วางคอนเซ็ปต์ (Concept) British Georgian กลิ่นอายสไตล์อังกฤษ บนทำเลศักยภาพเชื่อมต่อทุกการเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ใกล้สนามบินนานาชาติ สุวรรณภูมิ ในราคาเริ่มต้นที่ 3.29-5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งทาง ESTAR ตั้งใจพัฒนาเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่ทำงานในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ นิคมอุตสากรรมลาดกระบัง พระราม 9 และศรีนครินทร์ ที่มองหาบ้านที่ไม่ไกลจากแหล่งงานและที่อยู่เดิม
สำหรับในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายภาพรวมอยู่ที่ กว่า 2,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้อยู่ที่กว่า 1,700 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้แล้ว สำหรับโครงการประเภทคอนโดมีเนียมทำเลใจกลางกรุงเทพ รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท นายไพโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย