ดี–แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ ชูกลยุทธ์ “จุดเริ่มสุขของทุกทริปการเดินทาง” ออกแบบพื้นที่ตอบสนองนักเดินทางทุกกลุ่ม ชูโซนเด็ก โซนสัตว์เลี้ยง โซนภูมิใจไทย หนุนสินค้าท้องถิ่นชูอัตลักษณ์และวัฒนธรรม นำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้มากขึ้น สร้างประสบการณ์ที่ดี เผยภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวภายใต้หัวใจสำคัญคือสร้างการให้บริการที่ดี มีคุณภาพในมาตรฐานของ Porto Go เพื่อเป็นกุญแจสำคัญที่จะรุกตลาดและสร้างความสำเร็จให้กับ Porto Go ทั้ง 2 สาขา บางปะอิน และท่าจีน รับตลาดท่องเที่ยวและเศรษฐกิจขาขึ้นช่วงครึ่งปีหลัง ตั้งเป้ารายได้ Porto Go ทั้ง 2 สาขา แตะ 60 ล้านบาท เติบโต 40 % ภายในสิ้นปี 66 นี้
นายสุเทพ ปัญญาสาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คอมมูนิตี้มอลล์ และจุดพักรถ หรือ Rest Area เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังของปี 2566 พอร์โต้โก (Porto Go) ทั้ง 2 สาขา บางปะอิน และท่าจีน ได้วางกลยุทธ์สร้างจุดแข็ง ดัน Porto Go ให้เป็น “จุดเริ่มสุขของทุกทริปการเดินทาง” เพื่อเป็นบริการของธุรกิจพักรถด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับเพื่อนนักเดินทางในแต่ละกลุ่ม ผ่านการออกแบบพื้นที่ใช้งานเพื่อตอบสนองนักเดินทางแทบทุกกลุ่ม อาทิ 1.ครอบครัวที่มีเด็กร่วมเดินทาง 2. กลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยง 3. นักเดินทางสูงวัย 4. กลุ่มเพื่อน และ 5. กลุ่มคู่รัก โดยเน้นการออกแบบพื้นที่ใช้บริการและฟังก์ชันการใช้งาน เพื่อสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้เกิดการจดจำและบอกต่อ อาทิ Pet Friendly Zone พื้นที่ผ่อนคลายของสัตว์เลี้ยง Kid Playgroundพื้นที่ปล่อยพลังสำหรับเด็ก ๆ โซนภูมิใจ จำหน่ายสินค้าพื้นถิ่น Local Hero Product เป็นร้านค้าและกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของท้องถิ่น มุมถ่ายรูปสุดสร้างสรรค์ต่าง ๆ รวมไปถึงการคัดสรรร้านค้าที่ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่หลากหลาย และโซนสินค้า Outlet
นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความสะดวกและคุณค่าในระหว่างการใช้บริการ เช่น การให้บริการจุดชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งแบบ DC และ AC หรือระบบบอกสถานะห้องน้ำแบบไร้สัมผัสพร้อมติดแอร์ จุดแข็งสำคัญของจุดพักรถคือการเน้นการให้บริการที่ดีและมีคุณภาพ เป็นหลักการสำคัญที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจของความสำเร็จที่จะช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าจากความพร้อมในการให้บริการในยุคที่การท่องเที่ยวขาขึ้น การสร้างมาตรฐานการให้บริการที่ดีมีคุณภาพในมาตรฐานของ Porto Go ผนวกกับการเป็นจุดพักรถบนทำเลศักยภาพ เป็นทางผ่านของแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ โดยตำแหน่งที่ตั้งของทั้ง 2 สาขา ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะเดินทางมาระยะหนึ่ง และนิยมจอดพักรถ หรือนัดรวมตัวกันก่อนเริ่มทริปเดินทางต่อไป คาดภายในปลายปีนี้นักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากปีที่ผ่านมา ตั้งเป้ารายได้ 60 ล้านบาท เติบโต 40 % ภายในสิ้นปี 2566 นี้
นายสุเทพกล่าวต่อว่า ธุรกิจจุดพักรถมีแนวโน้มดีขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง คาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งการบริโภคและการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่อง จากภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจดังกล่าว เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบเชิงบวกโดยตรงต่อธุรกิจจุดพักรถ แม้ปริมาณนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ แต่ได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวของคนในประเทศที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าช่วงไตรมาส 3 – 4 จะมีแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นมาก ทำให้การค้าขายในพื้นที่จุดพักรถจะยิ่งคึกคักมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในช่วงปลายปี
สถานการณ์การกลับมาฟื้นตัวของธุรกิจการท่องเที่ยว การเปิดใหม่ และการฟื้นตัวของสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ช่วยเพิ่มโอกาสในการแวะใช้งานจุดพักรถมากขึ้น นอกจากนี้ การทำงานแบบ Hybrid ทั้งของคนไทย ที่สามารถทำงานได้ทุกที่ (Work from anywhere) นอกจากนี้ กลุ่มคนต่างชาติยังนิยมเดินทางมาทำงานแบบ Work from anywhere โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่ติดอันดับเมืองน่าสนใจ ที่คนต่างชาตินิยมมาใช้ชีวิต รวมทั้งทำงานไปด้วย เช่น กลุ่ม Digital nomad ที่ทำงานได้จากทุกสถานที่บนโลก หรือ กลุ่ม Workation ที่สามารถเปลี่ยนให้ทุกที่บนโลกเป็นห้องทำงานได้ พร้อมกับออกไปท่องเที่ยว และมาพักเป็นเวลานานหลายอาทิตย์ ซึ่งเติบโตขึ้นมากและเป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายค่อนข้างสูง ซึ่งถ้าเป็นไปตามคาดการณ์กำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในช่วงไฮซีซั่น ก็จะยิ่งสิ่งผลดีต่อหลายธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มท่องเที่ยวได้อีกมาก นายสุเทพกล่าวทิ้งท้าย