ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามสำหรับกิจกรรม “ทุกเป้าหมาย มีความหมาย” ที่ ไดกิ้น ในฐานะผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการทีมช้างศึก ฟุตบอลทีมชาติไทย ได้ร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ แพลนบี อีเลฟเว่น จำกัด (PlanB Eleven) ครีเอทกิจกรรมดีๆ สร้าง Social voices กับแคมเปญ CSR ครั้งนี้ ตามทิศทางการดำเนินงานในด้าน Sport Marketing เพื่อร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาวงการฟุตบอลไทยและสังคมไทยในภาคของการส่งเสริมสุขภาพที่ดี และแน่นอนว่าได้รับเสียงชื่นชมจากเหล่าผู้บริโภคและแฟนบอลไทยในทุกแพลตฟอร์มจนสามารถเอนเกจกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ให้มาเป็นไดกิ้นคอมมูนิตี้ได้เพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยแคมเปญนี้ไดกิ้นได้มอบเครื่องฟอกอากาศตามจำนวนประตูที่ทีมชาติไทยทำได้ให้คนไทยได้ร่วมลุ้นในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกทั้ง 5 นัดที่ผ่านมา ทุกๆ 1 ประตู ที่ทีมชาติไทยทำได้ ไดกิ้นมอบเพิ่มประตูละ 5 เครื่อง โดยได้บริจาคเครื่องฟอกอากาศไดกิ้น รุ่น MC55UVM6-7 หลังแมทช์สุดท้ายในช่วงเดือน มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมาสรุปยอดเครื่องฟอกอากาศที่ส่งมอบทั้งสิ้นถึง 55 เครื่อง! ใน 3 โรงพยาบาลทั่วหัวเมืองสำคัญของไทย งานนี้ นายวัลลภ พ่วงไพโรจน์ ผู้บริหารใหญ่จากไดกิ้น หญิงแกร่งแม่ทัพใหญ่ทีมช้างศึก นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และนายอานนท์ พรธิติ รองผู้อำนวยการ บ.แพลนบี อีเลฟเว่น รวมถึง นักฟุตบอลทีมชาติไทย ตอง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และเตอร์ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ร่วมกันสรุปโครงการอย่างเป็นทางการ ณ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆนี้
นายวัลลภ พ่วงไพโรจน์ กรรมการบริษัทและผู้จัดการทั่วไปอาวุโส บริษัทไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงบทสรุปความสำเร็จของแคมเปญ “ทุกเป้าหมาย มีความหมาย” ว่า “แคมเปญนี้ไดกิ้นได้เชิญชวนคนไทยร่วมเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทย ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงเมื่อเดือน มิ.ย.67 ที่ผ่านมา เพื่อให้ทีมชาติไทยมีขวัญและกำลังใจและคว้าชัยชนะในการแข่งขันในแต่ละแมตช์ ซึ่งในฐานะที่ไดกิ้นเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศและเป็นผู้สนับสนุนหลักฟุตบอลทีมชาติไทย จึงได้จัดแคมเปญสนุกๆ “ทุกเป้าหมาย มีความหมาย” ทั้งช่องทาง Online และ On-ground โดยตั้งเป้าหมายบริจาคเครื่องฟอกอากาศ สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกในทั้ง 5 นัดที่ผ่านมา ซึ่งทุกๆ 1 ประตู ที่ทีมชาติไทยทำได้ เราบริจาคเพิ่มประตูละ 5 เครื่อง โดยเราได้บริจาคเครื่องฟอกอากาศไดกิ้น รุ่น MC55UVM6-7 ซึ่งผลการแข่งขันทำให้เราได้ยอดการบริจาคเครื่องฟอกถึง 55 เครื่อง ใน 3 โรงพยาบาลได้แก่ โรงพยาบาลนครพิงค์ จ. เชียงใหม่ จำนวน 10 เครื่อง ในช่วงเดือน พ.ย.66 โรงพยาบาลชลบุรี จ.ชลบุรี 15 เครื่อง ในช่วงเดือน มี.ค. 67 และ ปิดท้ายที่ โรงพยาบาลน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น 30 เครื่อง ในช่วงเดือน มิ.ย. 67 ซึ่งทั้ง 3 โรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่ที่มีผลภาวะฝุ่น PM 2.5 และตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรม รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 900,000 บาท”
“จากกระแสตอบรับของกลุ่มแฟนบอลรวมถึงบุคคลทั่วไปให้ความสนใจและมีส่วนร่วมกับแคมเปญร่วมกับทางแบรนด์อย่างล้นหลาม นับว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่เราจะจัดทำกิจกรรมสื่อสารทางการตลาดในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่องในปี 2567 ก็ขอให้ติดตามแคมเปญใหม่ๆที่จะตามมา โดยที่คาดว่าจะมีการจัดอีกแน่นอนแล้วน่าจะเป็นกิจกรรมฟุตบอลคลินิก กิจกรรมทุกเป้าหมายมีความหมาย และรวมถึงจะมีแคมเปญในรูปแบบใหม่ๆ ร่วมกับทีมชาติไทย ทั้งนี้ทั้งนั้น ในทิศทางของงานด้าน Sport Marketing หรือ Sponsorship ของเรา นอกเหนือจากหลักๆ คือทำงานกับ ฟุตบอลทีมชาติไทย แล้วก็ยังมีสโมสรฟุตบอลในระดับไทยลีกอย่าง สโมสรชลบุรี เอฟซี และ สโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พิเศษในปีนี้ยังมีแคมเปญอื่นๆ ที่ทำร่วมกับ PlanB 11 อย่างสู้เต็มร้อย เชียร์เต็ม MAX ซึ่งเป็นแคมเปญที่ส่งเสริมให้คนไทยเชียร์นักกีฬาไทยในกีฬาโอลิมปิก 2024 รวมไปถึงการกีฬามอเตอร์สปอร์ต โดยสนับสนุนทีมรถแข่ง 2W Zoomies และการสนับสนุนการแข่งขันกอล์ฟ LPGA อีกด้วย”
นางนวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ขอบคุณ บ.ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในการสนับสนุนฟุตบอลทีมชาติไทยมาอย่างต่อเนื่อง และผลักดันแคมเปญที่และมีส่วนสำคัญในการพัฒนา และทุกๆ ความสำเร็จของฟุตบอลไทยมาตลอด ขอบคุณที่เชื่อมั่นในศักยภาพของฟุตบอลทีมชาติไทย และเคียงข้างฟุตบอลไทยมาอย่างยาวนาน”
ฟากของ แพลนบี อีเลฟเว่น (Plan B Eleven) ผู้อยู่เบื้องหลังความร่วมมือในกิจกรรมทางการสื่อสารฯระหว่างไดกิ้นและช้างศึกไทย นายอานนท์ พรธิติ รองประธานอาวุโส บ.แพลนบี อีเลฟเว่น จำกัด (PlanB Eleven) “ทาง Plan B Eleven ต้องขอขอบคุณทางไดกิ้นที่ให้ความไว้วางใจสำหรับทุกกิจกรรมการสนับสนุนฟุตบอลทีมชาติไทยมาอย่างต่อเนื่อง และเปิดโอกาสให้ทาง แพลนบี อีเลฟเว่น ได้ออกแบบและผลิตแคมเปญต่างๆเพื่อขับเคลื่อนทีมชาติไทยไปพร้อมกับการสร้างการมีส่วนร่วมกับแฟนบอลไทยที่ ณ วันนี้เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ รวมถึงเกิดชิ้นงานทางการสื่อสารการตลาดอย่างสร้างสรรค์ และสร้างผลกระทบเชิงบวกกับสังคมไปพร้อมกัน โดยเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาแคมเปญสำหรับแบรนด์ผู้สนับสนุนทีมชาติไทยในทุกๆแบรนด์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆสนุกและน่าติดตามขึ้นในทุกๆปี”