CIVIL เผยทิศทางครึ่งปีหลัง 2566 เตรียม Backlog 12,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าไม่หวั่นงานใหม่จะออกล่าช้า เตรียมขยายสัดส่วนงานเอกชนเพิ่มอาทิ กลุ่มพลังงานทดแทน และ อสังหาริมทรัพย์ เล็งศึกษาจับมือพันธมิตรเพิ่มโอกาสขยายงาน หนุน Backlog ยอดรวมแตะ 24,000 ล้านบาท ชูกลยุทธ์ควบคุมต้นทุนก่อสร้าง การบริหารจัดการสภาพคล่องภาพรวมของโครงการ มุ่งเน้นงานก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และมีความปลอดภัย ควบคู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตบุคลากรแข็งแกร่ง มั่นใจรายได้ตามเป้า 6,000 ล้านบาท
นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตต่อเนื่อง โดยมีแผนการส่งมอบงานก่อสร้างในมือ อาทิ งานประเภทก่อสร้างทางรถไฟและทางรถไฟความเร็วสูง พร้อมเข้าประมูลและรับงานใหม่ ซึ่งนอกจากงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และเป็นผู้รับเหมาชั้นพิเศษ บริษัทยังขยายสัดส่วนการเข้ารับงานภาคเอกชนที่มีความหลากหลายต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มพลังงานทดแทน และ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ บริษัทมีการศึกษาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจก่อสร้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมศักยภาพการเข้ารับงานใหม่ รวมถึงการเพิ่มโอกาสการเข้าประมูลโครงการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership หรือ PPP) เพื่อสร้างการเติบโตและส่งผลให้มูลค่างานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทอยู่ระหว่างรอลงนามสัญญา 6 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท ได้แก่ งานถนน และ งานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งคาดว่าบริษัทจะมียอดมูลค่างานในมือเติบโตตามเป้าหมายที่ได้วางไว้กว่า 24,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2569
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนงานก่อสร้างแบ่งเป็น งานก่อสร้างทางรถไฟและทางรถไฟความเร็วสูง 40%, งานก่อสร้างทางหลวง ทางต่างระดับ และทางพิเศษ 40%, งานก่อสร้างฟลัดเวย์ 20%
“บริษัทเชื่อมั่นในหลักการบริหารองค์กรด้วยความถูกต้องโปร่งใส พร้อมปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ การมีปริมาณงานในมือที่พร้อมรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง ความสามารถในการควบคุมต้นทุน การบริหาร จัดการ Supply Chain ที่ดี และ พร้อมเปิดรับโอกาสเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคลากรและแรงงานก่อสร้างให้เติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับองค์กรและประเทศ จากทิศทางการดำเนินงานทั้งหมด ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ตามเป้าหมายที่ 6,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว