CHEWA กางแผนปี 65 สู่รายได้ 3 พันล้านบาท วางแผนเพิ่ม 6 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้วยทีมรุกตลาดบ้านมือสองกับ Chewa Renue ตั้งเป้าก้าวสู่ผู้นำเบอร์ 1 ด้านคุณภาพและบริการหลังการขาย
นายบุญ ชุน เกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า รายได้ในปี 2565 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ 2,800-3,000 ล้านบาท เนื่องจาก 2 โครงการใหม่ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้เป็นปีแรก และโครงการเดิมที่ยังมี Backlog ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับ 2 โครงการที่กำลังก่อสร้าง และคาดว่าจะรับรู้รายได้ตามกำหนดในปีนี้ ได้แก่
1. โครงการชีวาทัย ปิ่นเกล้า มีจำนวน 593 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,587 ล้านบาท เป็นคอนโดสูง 13 ชั้น ตั้งอยู่ติดถนนอรุณอัมรินทร์ ใกล้สะพานพระราม 8 สามารถเดินทางไปใช้รถไฟฟ้าสถานีบางยี่ขันได้สะดวก และยังมีบริการรถรับ-ส่งไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ อย่าง โรงพยาบาลศิริราช มีห้องให้เลือกตั้งแต่ 29–56 ตารางเมตร มาพร้อมกับระบบ Home Automation แบบเต็มระบบ ที่ถือเป็นจุดเด่นของโครงการ โดยจะพร้อมโอนและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2-3 ปี 2565
2. โครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 (เฟส2) มีจำนวน 380 ยูนิต มูลค่าโครงการ 994 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สไตล์ Loft ที่ตั้งอยู่บนทำเลย่านลาดพร้าว ถนนสังคมสงเคราะห์ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีเทาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งยังมีจุดขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์อยู่อีกด้วย มีห้องให้เลือกตั้งแต่ 26.0-45.50 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบถ้วน พร้อมโอนและรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2565
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา มีการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ที่รุนแรงและต่อเนื่องยาวนาน ส่งผลกระทบต่อทั้งประเทศ รวมไปถึงผู้รับเหมาและคนงานที่เป็นคู่ค้าของเราด้วย ชีวาทัยจึงได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือคู่ค้า และแบ่งเบาภาระการดูแลคนงาน ในช่วงที่มีการปิดแคมป์คนงาน ทั้งการช่วยเหลือในส่วนของอาหาร เครื่องใช้ที่จำเป็น ยารักษาโรคต่างๆ ด้วยนโยบายที่มีการวางแผนที่ดีร่วมกันกับบริษัทผู้รับเหมาพันธมิตร ทำให้การระบาดหรือปิดแคมป์คนงาน ไม่ส่งผลกระทบกับแผนการดำเนินงานก่อสร้างเดิม คาดว่าในปีนี้ทั้ง 2 โครงการใหม่ดังกล่าวจะสามารถรับรู้รายได้ตามกำหนดในปีนี้
ด้านการลงทุน บริษัทฯ ยังวางแผนเพื่อหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการเพิ่มเติม ตามเป้าหมาย 6 โครงการ ภายในปี 2565 ในวงเงิน 5,000 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ แบรนด์ชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค 2-3 โครงการ มูลค่าประมาณ 2,800 ล้านบาท บ้านเดี่ยวแบรนด์ชีวารมย์ 2 โครงการ มูลค่า 1,500 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ชีวาโฮม 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท
นอกจากธุรกิจเดิมที่พัฒนาบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและคอนโดฯ เพื่ออยู่อาศัยแล้ว บริษัทฯ ยังเล็งเห็นถึงโอกาสตลาดที่อยู่อาศัยมือสองที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ด้วยจุดขายที่สำคัญของตลาดที่อยู่อาศัยมือสองคือ “ทำเล” และ “ขนาด” ที่เข้ามาตอบโจทย์วิถีการดำรงชีวิตแบบนิวนอร์มอล บริษัทฯ จึงเปิดทีมรุกธุรกิจตลาดที่อยู่อาศัยมือสอง ในนาม “ CHEWA RENUE “ โดยนำจุดเด่นด้านการตรวจสอบคุณภาพ บริการหลังการขาย และเพิ่มแผนการตลาดพร้อมปรับกลยุทธ์เพื่อเข้าถึงตลาดที่อยู่อาศัยมือสองให้มากขึ้น โดยคาดหวังว่าจะได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายและสร้างกระแสในตลาดที่อยู่อาศัยมือสองได้เป็นอย่างดี ตั้งเป้า 3 ปี มีรายได้เพิ่มขึ้นสำหรับช่องทางนี้ 400 ล้านบาท เป็นการต่อยอดจากรายได้ในธุรกิจหลักอีกทางหนึ่ง
“ชีวาทัย” ยังคงยึดมั่นด้านคุณภาพและบริการหลังการขายจาก “ ชีวาแคร์ ” ตั้งเป้าก้าวขึ้นที่ 1 ในใจลูกค้าด้านคุณภาพและบริการ สำหรับกลุ่มบริษัทอสังหาฯ ช่วงรายได้ไม่เกิน 5 พันล้านบาท พร้อมกันนี้ยังคงเดินหน้ารักษาคุณภาพสินค้าให้ลูกค้าตรวจ Zero Defect ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าที่มาซื้อโครงการกับชีวาทัย ได้สิ่งที่ดีและมีคุณภาพสูงสุด ตั้งแต่บริการก่อนการขายตลอดจนถึงบริการหลังการขาย โดยในปี 2564 บริษัทได้ผลการดำเนินงานด้านคุณภาพอยู่ในระดับที่ดีมาก มีอัตราส่วนการตรวจรับห้องครั้งแรก ( ZERO DEFECT) สูงถึง 90% ในโครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค ลาดพร้าว-โชคชัย 4 เฟส 1 และกว่า 85% ที่โครงการชีวาทัย ฮอลล์มาร์ค จรัญ 13 ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับอัตราปกติในตลาด นอกจากนี้ ยังคงส่งมอบความช่วยเหลือสังคม ชุมชน และลูกค้าผ่านโครงการของชีวาแคร์ ทั้งมีการจัดทีมเข้าพ่นฆ่าเชื้อให้ลูกค้าที่บ้าน ส่งมอบอาหารและของใช้จำเป็นแก่ผู้ติดเชื้อ ดูแลประสานงานหน่วยงานท้องถิ่นในการหาเตียงเพื่อการรักษา และยังเพิ่มมาตรการการดูแลบ้านของลูกค้าที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกด้วย ” นายบุญ ชุน เกียรติ กล่าว