วันเสาร์ ที่ 21 กันยายน 2567 04:30น.

เซ็นทรัล วิลเลจ ย้ำ The First Real Luxury Outlet ประกาศความสำเร็จ ปักหมุดเปิดเฟสสอง 28 ม.ค. 65 

15 ธันวาคม 2021

        เซ็นทรัล วิลเลจ โดยบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมทุนกับ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ไทยแลนด์) หนึ่งในบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บิ๊กอสังหาฯ ระดับโลก ประกาศความสำเร็จของโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เตรียมเปิดให้บริการเฟสสอง 28 ม.ค. 2565 ยืนหยัด ‘The First Real Luxury Outlet in Thailand’ เบอร์หนึ่งลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกที่สมบูรณ์แบบแห่งแรกของไทย รวมมูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท มอบประสบการณ์ที่มากกว่าการช้อปปิ้งแบรนด์เนม สู่การเป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นที่สมบูรณ์แบบ ชูความแข็งแกร่งของ Central Pattana x Mitsubishi Estate (Thailand) ตอกย้ำลักชูรี่เอาท์เล็ตมาตรฐานระดับโลก เจาะฐานลูกค้ากำลังซื้อสูงทั่วประเทศด้วย Luxury Outlet Chat & Shop ที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายออนไลน์เติบโตเป็นอันดับหนึ่งของโครงการเซ็นทรัลพัฒนาทั่วประเทศ โดยช่วงล็อคดาวน์ เซ็นทรัล วิลเลจมียอดขายโตขึ้น 70% เตรียมนำ Success Model ต่อยอดในเฟสสอง เติมเต็มแบรนด์ชั้นนำครบทุก Tier ครบทุกไลฟ์สไตล์รวม 300 แบรนด์ รับชม VDO ความสำเร็จเซ็นทรัล วิลเลจ และภาพ Sneak Peak เฟส 2 https://youtu.be/kyKGOyV2b_w

        คุณชาติ จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาโครงการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (จำกัด) มหาชน กล่าวว่า “เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นโครงการที่พลิกโฉมวงการรีเทลไทยด้วยการนำลักชูรี่เอาท์เล็ตระดับโลกเข้ามาในประเทศไทยเป็นแห่งแรก เติมเต็ม New Retail Platform ที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยจากความสำเร็จในเฟสแรกที่เปิดให้บริการในเดือน ส.ค. 62 เราได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักช้อปทั้งไทยและต่างชาติมาโดยตลอด จึงมีความมั่นใจเตรียมเปิดเฟสสองในวันที่ 28 ม.ค. 65 ตามแผนที่วางไว้ ตอกย้ำการเป็น The First Real Luxury Outlet มอบประสบการณ์ที่มากกว่าการช้อปปิ้งแบรนด์เนม แต่เป็นไลฟ์สไตล์เดสติเนชั่นแห่งใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ การจับมือกับพาร์ทเนอร์ ‘มิตซูบิชิ เอสเตท (ไทยแลนด์)’ ยังเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งสำคัญที่ทำให้เราก้าวได้ไกลกว่าเอาท์เล็ตที่มีในไทย โดยเซ็นทรัลพัฒนามีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการที่เป็น Destination Landmark มาแล้วทั่วประเทศ เจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงซึ่งเป็นฐานลูกค้าของศูนย์การค้าเซ็นทรัลที่ตอนนี้มี 36 สาขาในประเทศไทยและต่างประเทศ ผ่านช่องทาง Intensive Omnichannel ในขณะที่มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป มีประสบการณ์ในการพัฒนาเอาท์เล็ตชื่อดังของเอเชีย ทำให้เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นลักชูรี่เอาท์เล็ต ที่มีศักยภาพและมาตรฐานไม่แพ้เอาท์เล็ตแห่งอื่นของโลก”

         มร. โทโมฮิโกะ เองูจิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ไทยแลนด์) กล่าวว่า “โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ เป็นหนึ่งในการบุกเบิกพอร์ตโฟลิโอใหม่ของบริษัทฯ ที่ได้รุกตลาดลักชูรี่เอาท์เล็ตครั้งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งการผนึกกำลังกันระหว่างมิตซูบิชิฯ และเซ็นทรัลพัฒนา ในแบบ ‘Two Nations, One Success’ ได้พิสูจน์แล้วถึงความสำเร็จของเซ็นทรัล วิลเลจ ในเฟสแรก โดยเรายังคงเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตและการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย รวมไปถึงความต้องการซื้อสินค้าแบรนด์เนมในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญเรามีความเชื่อมั่นในโครงการเซ็นทรัล วิลเลจที่มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่มีความลักชูรี่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลายของนักช้อปชาวไทย ในขณะเดียวกันยังส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ชั้นนำที่มาเปิดกับเราด้วย สำหรับการขยายโครงการเฟสสอง ทางมิตซูบิชิฯ เตรียมแผนที่จะดึงดูดแบรนด์คู่ค้าญี่ปุ่นมากขึ้น ที่มาพร้อมด้วยจุดเด่นของการให้บริการแบบญี่ปุ่นที่เหนือความคาดหมายเสมอ เพื่อมอบทั้งความสนุกและความสะดวกสบายในการช้อปปิ้งให้กับลูกค้าชาวไทยและชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กำลังกลับเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยอีกด้วย”

        คุณชาติ กล่าวต่อไปว่า “เซ็นทรัล วิลเลจ เฟส 2 ยังคงมีดีไซน์ต่อเนื่องกับเฟสแรกกับ เอกลักษณ์ ‘Thai Modern’ พร้อมได้แรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมไทย นำเสนอในรูปแบบหมู่บ้านไทยร่วมสมัยที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก โดยเฟสสองนี้ขยายเพิ่มอีก 4 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านช่างทอ (Textile Village) โดดเด่นด้วยลายเส้นผ้าทอของไทย, หมู่บ้านช่างก่อ (Brick Village) กับการก่ออิฐเป็นแพทเทิร์นที่แปลกตา, หมู่บ้านช่างลายคราม (Porcelain Village) นำความสวยงามของเครื่องลายครามมาออกแบบให้มีลูกเล่น และหมู่บ้านช่างเงินช่างทอง (Goldsmith Village) กับลวดลายสีเงินสีทองสื่อถึงความหรูหราและความประณีตท่ามกลางบรรยากาศแบบ Outdoor Experience ที่ร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียว ทางเดินมีหลังคาที่กว้างขึ้นทำให้ช้อปปิ้งได้สะดวกมากขึ้น มีความใกล้ชิดธรรมชาติด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ทั้งน้ำพุ, บ้านต้นไม้, ภูเขา และจุดถ่ายรูปไฮไลท์ Instagrammable Landmarks รวมถึงมีการจัดอีเว้นท์ งานอาร์ต ศิลปะร่วมสมัย ที่หมุนเวียนตลอดทั้งปี”

        ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของเซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เราประสบความสำเร็จในการปั้นเซ็นทรัล วิลเลจให้เป็น The First Real Luxury Outlet in Thailand ด้วยการมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งลักชูรี่เอาท์เล็ตด้วยมาตรฐานระดับโลก นอกจากนี้จากความสำเร็จในเฟสแรก เราเล็งเห็นถึงจุดแข็งและจุดต่างของโครงการที่ดึงดูดและตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกไลฟ์สไตล์ ทำให้ที่นี่เป็นมากกว่าการช้อปปิ้งแบรนด์เนมแต่เป็น Lifestyle Destination ที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกแห่งหนึ่งของเซ็นทรัลพัฒนา


คลิปวิดีโอ