วันพฤหัสบดี ที่ 28 พฤศจิกายน 2567 09:42น.

เบอร์เกอร์คิง ลุยเปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ในไทย

13 ธันวาคม 2022

        เบอร์เกอร์คิง พร้อมตั้งเป้าสู่การเป็น Restaurant as a Future เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ บนทำเลศักยภาพย่านรัชดาภิเษก ที่มาพร้อมการดีไซน์ตัวอาคารภายนอกที่เป็นเอกลักษณ์และมีกลิ่นอายของความเป็นอเมริกันสไตล์ และเป็นสาขาแรกในไทยที่นำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้สอดรับเทรนด์ยุคดิจิทัล ผ่านการรวม 3 นวัตกรรมไฮไลท์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ ได้แก่ เตาย่างเปลวไฟรุ่นใหม่ (Broiler) แห่งแรกของเอเชียที่ผู้บริโภคสามารถมองเห็นการย่างเนื้อด้วยเปลวไฟในแบบฉบับของเบอร์เกอร์คิง ตู้รับสินค้าอัจฉริยะ (Smart Locker) เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับช่องทางเดลิเวอรีและช่วยลดการสัมผัส และการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ลดการปล่อยมลพิษ สานต่อนโยบายองค์กรยั่งยืน โดยคาดว่าการเปิดตัวแฟลกชิปสโตร์แห่งใหม่ครั้งนี้ จะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคครอบคลุมทุกมิติ ตลอดจนสามารถกระตุ้นยอดขายการเติบโตตามเป้าที่วางไว้

        นายธนวรรธ ดำเนินทอง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2565 เบอร์เกอร์คิง ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจผ่านการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เนรมิตพื้นที่ 400 ตารางวา บนทำเลศักยภาพย่านรัชดาภิเษก เปิดตัว เบอร์เกอร์คิง แฟลกชิปสโตร์ สาขารัชดา ซึ่งจะเป็นสาขาแรกในไทย ที่รวบรวมความเป็นที่สุดทั้งด้านสินค้าและบริการ โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภค โดยจุดเริ่มต้นของแฟลกชิปสโตร์แห่งนี้ มาจากการเล็งเห็นถึงความต้องการของผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการเป็นหลัก โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางแบบ Customer Centric แบรนด์จึงไม่หยุดพัฒนาและปรับโมเดลธุรกิจให้สอดรับกับวิถีชีวิตคนยุคใหม่ จึงเป็นความท้าทายที่เปลี่ยนเป็นโอกาสของการปรับโฉมร้านเบอร์เกอร์คิง เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับความลงตัวที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายครอบคลุมทุกมิติ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดเมื่อเข้ามาใช้บริการ

        “ความพิเศษของ เบอร์เกอร์คิง แฟลกชิปสโตร์ สาขารัชดา ได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้สอดรับเทรนด์ยุคดิจิทัล ผ่านการรวม 3 นวัตกรรมไฮไลท์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ ด้วยการนำ เตาย่างเปลวไฟรุ่นใหม่ และ เป็นสาขาแรกในเอเชีย ที่นำนวัตกรรมนี้มาใช้ เพื่อสร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคสัมผัสถึงความพรีเมียมและเห็นกรรมวิธีในการย่างเนื้อด้วยเปลวไฟ ตอกย้ำซิกเนเจอร์ความเป็นต้นตำรับในแบบฉบับของเบอร์เกอร์คิง และไม่เพียงความใส่ใจเรื่องสินค้า เบอร์เกอร์คิงยังสามารถตอบโจทย์ความต้องการด้านบริการ สำหรับผู้บริโภคที่นิยมสั่งอาหารผ่านช่องทางเดลิเวอรี ด้วยการติดตั้ง ตู้รับสินค้าอัจฉริยะ (Smart Locker) ที่จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการรับสินค้าผ่านระบบอัตโนมัติ เพิ่มความรวดเร็ว ป้องกันความแออัดภายในร้าน และลดความเสี่ยงต่อการสัมผัส ซึ่งนวัตกรรมนี้สามารถรองรับกลุ่มไรเดอร์บริการรับ-ส่งอาหาร ที่เข้ามาใช้บริการเดลิเวอรีได้เป็นอย่างดี เพียงแค่กรอกหมายเลขออเดอร์รับสินค้าที่หน้าจอ สามารถหยิบสินค้าภายในตู้ที่ตรงกับหมายเลขรับบริการเพื่อนำไปส่งให้ถึงมือลูกค้าได้ทันที

        นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังเดินหน้าธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ขานรับเทรนด์รักษ์โลก ผลักดันการใช้พลังงานสะอาดในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องไปกับพันธกิจนโยบายของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งเป้าเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน จึงได้นำนวัตกรรมความยั่งยืนมาปรับใช้ภายในร้าน ได้แก่ การติดตั้งจุดบริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ที่สามารถรองรับรถยนต์ไฟฟ้าได้ทุกรุ่น และสามารถชาร์จได้รวดเร็วภายใน เวลา 15 นาที พร้อมกันนี้ยังได้ติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานไฟฟ้า นอกจากช่วยประหยัดไฟฟ้าภายในร้านแล้ว ยังเป็นการใช้พลังงานหมุนเวียนได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด” นายธนวรรธ กล่าว

        นายธนวรรธ กล่าวเสริมว่า เบอร์เกอร์คิง มีความมุ่งมั่นที่จะสร้าง Customer engagement เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีประสบการณ์ร่วม ผ่านความเอ็กซ์คลูซีฟของแฟลกชิปสโตร์ สาขารัชดาแห่งนี้ ด้วยการให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดตั้งแต่การออกแบบตัวอาคารภายนอกด้วยรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ผสานกลิ่นอายของความเป็นอเมริกันสไตล์ให้มีความทันสมัย มาพร้อมพื้นที่จอดรถกว้างขวางรองรับได้มากถึง 20 คัน ขณะที่การตกแต่งภายในร้านเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ทั้งหมด สามารถรองรับผู้บริโภคที่เข้ามาใช้บริการอยู่ที่ 60 ที่นั่ง ยิ่งไปกว่านั้น บริเวณโดยรอบร้านยังถูกปรับภูมิทัศน์ ให้มีพื้นที่สีเขียว และแบ่งโซนด้านหลังร้านในการรังสรรค์งานศิลปะด้วยภาพกราฟิกที่บ่งบอกถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเบอร์เกอร์คิงสำหรับเป็นมุมถ่ายภาพหรือมุมนั่งเล่น ถือเป็นอีกเดสติเนชั่น ที่สร้างความแตกต่างในการมอบประสบการณ์ช่วงเวลาที่ดีให้แก่ผู้บริโภค และเป็นกลยุทธ์ที่จะดึงดูดผู้บริโภคให้มานั่งรับประทานอาหารภายในร้านกันมากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้น แบรนด์ยังคงให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของผู้บริโภคในช่องทางการบริการที่รวดเร็วในรูปแบบไดร์ฟทรู ด้วยการให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารผ่านการพูดคุยและเห็นหน้าของพนักงานแบบเรียลไทม์บนจอแอลอีดีรูปแบบใหม่ที่พิเศษกว่าสาขาอื่นๆ เพื่อสร้างความประทับใจ และแสดงถึงความใส่ใจของพนักงานที่พร้อมให้บริการลูกค้าทุกคนด้วยมาตรฐานเดียวกัน

        นอกจากนวัตกรรมที่ได้นำมายกระดับการให้บริการและมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้แก่ผู้บริโภคแล้ว เบอร์เกอร์คิง ยังมีเซอร์ไพร์สไปกับเมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ King’s Selection ที่มีจำหน่ายเฉพาะสาขารัชดาแห่งนี้ และสาขาที่สยามพารากอนเท่านั้น กับ 3 เมนูชุดพิเศษที่ ได้แก่ เบอร์เกอร์สะโพกไก่ทอดบาร์บีคิว เบคอน ชีส ไก่ทอดชิ้นโตเต็มคำ ตัดด้วยชีสอย่างลงตัว เพิ่มความกรุบกรอบด้วยเบคอนกรอบและหอมเจียว ในราคาชุดละ 249 บาท ดับเบิ้ล โรดิโอ เบคอนชีส เนื้อนำเข้าจากออสเตรเลียสุดพรีเมียมแบบ 2 ชั้น ย่างด้วยเปลวไฟ พร้อมชีสเพิ่มความละมุน และเบคอนกรอบพร้อมหอมทอด ฟินทุกคำที่กัด ในราคาชุดละ 339 บาท ดับเบิ้ล สเต็กเฮ้าส์ คิง เต็มอิ่มกับเนื้อนำเข้าจากออสเตรเลียสุด พรีเมียมแบบ 2 ชั้น ย่างด้วยเปลวไฟ ตัดด้วยชีสเยิ้มๆ และเบคอนกรอบและหอมเจียว อร่อยแบบลงตัว ในราคาชุดละ 329 บาท พร้อมเสิร์ฟในชุดประกอบด้วยเบอร์เกอร์ 1 ชิ้น เฟรนช์ฟรายส์และเครื่องดื่มขนาดปกติ (16 ออนซ์)

        “ทั้งหมดนี้ คือความตั้งใจของเบอร์เกอร์คิง ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน ตลอดจนการรักษามาตรฐานผ่านความมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างไม่หยุดนิ่ง โดยมีแผนที่จะต่อยอดนวัตกรรมขยายไปยังสาขาอื่นๆ ในอนาคต เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ตอกย้ำผู้นำเบอร์ 1 ตัวจริงเรื่องเบอร์เกอร์ พร้อมเดินหน้าสู่การเป็น Restaurant as a Future ได้อย่างแท้จริง โดยคาดว่าการเปิดตัวแฟลกชิปสโตร์ใหม่ครั้งนี้ จะสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคครอบคลุมทุกมิติ ตลอดจนสามารถกระตุ้นยอดขายการเติบโตตามเป้าที่วางไว้” นายธนวรรธ กล่าวทิ้งท้าย


คลิปวิดีโอ