AH คว้าออเดอร์ผลิตชิ้นส่วนประกอบตัวถังรถยนต์ไฟฟ้า “Vinfast” รุ่นที่ 2 กว่า 300 ล้านบาท สัญญาส่งมอบยาวถึงปี 2568 ประเดิมส่งมอบเดือนม.ค.นี้ มองตลาดรถ EV ขยายตัวเร็ว หลังผู้บริโภคเลือกใช้เพิ่ม ตั้งเป้าปี 66 โตต่อเนื่องจากปี 65 รับพอร์ตลูกค้าออเดอร์แน่น โมเดลใหม่หนุน แถมบริหารจัดการต้นทุนได้ดี
นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things) เปิดเผยว่า AH ได้รับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ชิ้นส่วนประกอบตัวถังสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) รุ่นที่ 2 มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท จาก บริษัท วินฟาสต์ จำกัด (Vinfast) ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนาม เพื่อใช้ประกอบตัวถังรถยนต์ไฟฟ้าของ Vinfast รุ่น VF9 ซึ่งเตรียมส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรป และจำหน่ายในเวียดนามด้วย โดยออเดอร์ดังกล่าวมีสัญญาจ้างผลิตและเริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 ไปจนถึงปี 2568 ก่อนหน้านี้บริษัทได้เริ่มส่งมอบชิ้นส่วนประกอบตัวถัง รุ่นที่ 1 ไปแล้วช่วงปลายเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา
สำหรับการเข้ารับงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ EV จาก Vinfast ต่อเนื่องอีกในครั้งนี้ ถือเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์อันดีระหว่าง AH และ Vinfast ในตลาดระดับนานาชาติ เนื่องจากเป็นทั้งคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ นอกจากนี้บริษัทมีการผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ที่ผลิตในเวียดนามให้กับ Vinfast อีกด้วย ได้แก่ ชิ้นส่วนเปิด-ปิดประตู และชิ้นส่วนพลาสติก เป็นต้น ทำให้มีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ถือเป็นผลดีต่อศักยภาพการเพิ่มรายได้และความสามารถการทำกำไรในอนาคต
“ตลาดรถ EV มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และถือว่าเกิดการผลักดันการใช้งานรวดเร็ว เห็นได้จากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ขณะที่ไทยยังเป็นเป้าหมายที่นักลงทุนและค่ายรถยนต์ระดับโลกตัดสินใจเข้ามาลงทุนสร้างฐานการผลิตและตั้งสำนักงานขายในไทย คาดจะเริ่มมีการผลิตรถ EV ในไทยตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป ซึ่ง AH สามารถผลิตชิ้นส่วนให้แก่ลูกค้ากลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าได้และมีความพร้อมในด้านการผลิตอย่างเต็มที่ เพราะชิ้นส่วนยานยนต์ ระหว่างรถ EV และรถสันดาป มีลักษณะใกล้เคียงกันต่างกันเพียงเครื่องยนต์ (Engine Parts) เท่านั้น” นายเย็บ ซู ชวน กล่าว
นายเย็บ ซู ชวน กล่าวต่ออีกว่า ส่วนปี 2566 เบื้องต้น AH ประมาณการรายได้เติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับปี 2565 เพราะคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ประกอบกับได้รับงานในส่วนของโมเดลใหม่เข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม ตลอดจนธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้เป็นอย่างดี
ขณะที่ ปี 2565 เป็นอีกปีที่เติบโตดีสุด บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมเติบโตอยู่ที่ 30% ตามแผน เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 20,967 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพและมองหาโอกาสสร้างการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต