แสนสิริ เตรียมพรีเซลล์ “เศรษฐสิริ” พร้อมกัน 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 10,200 ล้านบาท ใน 2 ดีไซน์ ‘เบอร์ลิน’ และ ‘โมเดิร์นคลาสสิค’ บนทำเลศักยภาพในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ดีเดย์ 28-29 ตุลาคม นี้ ชูความสำเร็จ กวาดยอดขายรวมกว่า 2,100 ล้านบาท ปิดการขายเฟสแรกในช่วงพรีเซลล์ จากเศรษฐสิริทั้ง 2 โครงการแรกที่เปิดขายในปีนี้ ได้แก่ ‘เศรษฐสิริ ดอนเมือง’ ในสไตล์ ‘จอร์เจียน’ และ ‘เศรษฐสิริ วงแหวน-จตุโชติ’ ในสไตล์ ‘อาร์ตเดโค’ สะท้อนการตอบรับดีเยี่ยม กับการยกระดับดีไซน์และฟังก์ชั่นใหม่
นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้นำอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้ แสนสิริเดินหน้าตามแผน รุกขยายธุรกิจเต็มสูบ สนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม และมุ่งเน้นพัฒนาโปรดักส์ให้ครอบคลุมทุกรูปแบบ ทุกเซกเมนต์ระดับราคา เพื่อรองรับทุกความต้องการครอบคลุมในทุกทำเล โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของกลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวในปีนี้ คือ การขยายพอร์ตโปรดักส์ของกลุ่มบ้านเดี่ยวมากยิ่งขึ้นด้วยบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่แบรนด์ ‘เศรษฐสิริ’ ในระดับราคา 12 – 30 ล้านบาท โดยแบรนด์ ‘เศรษฐสิริ’ ถือว่าเป็นโปรดักส์ไฮไลท์ของปีนี้ ที่มีการยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยลงและประสบความสำเร็จเร็ว สะท้อนแนวคิด Portrait of Success ภาพของชีวิตที่ภาคภูมิ ด้วยการเปิดตัว New Design Series เศรษฐสิริ 4 ดีไซน์ใหม่ในทุกรายละเอียด ประกอบด้วย “จอร์เจียน (Georgian) – อาร์ตเดโค (Art Deco) – เบอร์ลิน (Berlin) และ โมเดิร์นคลาสสิค (Modern Classic)” โดยตลอดระยะเวลา 20 ปี แบรนด์ ‘เศรษฐสิริ’ ประสบความสำเร็จกับการเปิดตัวไปแล้ว 30 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 70,000 ล้านบาท
“ในกลุ่มบ้านเดี่ยวแบรนด์ เศรษฐสิริ ถือเป็นโปรดักส์เรือธงของแสนสิริ โดยในปีนี้ แสนสิริลุยเปิด 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 21,900 ล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่อย่างเชียงใหม่ ซึ่งโครงการที่เปิดตัวไปมีกระแสตอบรับดีมาก สะท้อนได้จากเศรษฐสิริ 2 โครงการแรกที่เปิดขายในปีนี้ที่ได้รับการตอบรับอย่างดี Sold Out ทันทีในเฟสแรกที่เปิดขายในช่วงพรีเซลล์ คือ ‘เศรษฐสิริ ดอนเมือง’ ในสไตล์ ‘จอร์เจียน’ และ ‘เศรษฐสิริ วงแหวน-จตุโชติ’ ในสไตล์ ‘อาร์ตเดโค’ ทั้งสองโครงการสร้างยอดขายได้แล้วกว่า 2,100 ล้านบาท สะท้อนการตอบรับดีเยี่ยมทั้งในด้านโปรดักส์คุณภาพ กับการยกระดับดีไซน์และฟังก์ชั่นใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้า” นายอาณัติ กล่าว
พร้อมกันนี้ นายอาณัติ ยังกล่าวว่า ปัจจุบันกระแสตอบรับยังดีต่อเนื่องไม่มีแผ่ว จากข้อมูลที่ได้ล่าสุดมีลูกค้าลงทะเบียนสนใจโครงการเป็นจำนวนมาก เพื่อสานต่อความสำเร็จและตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริ แสนสิริเตรียมเปิดพรีเซลล์พร้อมกันกับอีก 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 10,200 ล้านบาท พร้อมกับการเปิดตัว New Design Series คือ เบอร์ลิน และโมเดิร์นคลาสสิค ในวันที่ 28-29 ตุลาคม ประกอบด้วย
1. เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ – สาย 1 ราคา 20 – 40 ล้านบาท* พร้อมเผยโฉมดีไซน์ใหม่ล่าสุด! ครั้งแรก กับ Berlin Architecture ภายใต้แนวคิด Elegance Aesthetic ที่มีแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมในกรุงเบอร์ลิน ดีไซน์ที่เรียบเท่ และการเลือกใช้สีแบบ Monochrome และยังมาพร้อมกับฟังก์ชัน Open Plan ที่เชื่อมต่อ “Pocket Garden” พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่หลังบ้าน ให้คุณพักผ่อนสมบูรณ์แบบ ท่ามกลางสังคมส่วนตัว จำนวน 136 ยูนิต
2. เศรษฐสิริ ราชพฤกษ์ – นครอินทร์ โครงการใหม่ใจกลางราชพฤกษ์ ใกล้เซ็นทรัลเวสต์วิลล์และทางด่วน ราคา 15 – 30 ล้านบาท* ดีไซน์เหนือระดับในสไตล์ Modern Classic ที่เรียบง่ายแต่พิถีพิถันในรายละเอียดของการออกแบบ คงไว้ซึ่งความโดดเด่นและสง่างามเหนือกาลเวลา เพียง 98 ครอบครัวเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง
3. เศรษฐสิริ บางนา – สุวรรณภูมิ ราคา 12 – 30 ล้านบาท* สะท้อนวิถีที่มั่นคง และมั่งคั่งอย่างยั่งยืน กับบ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Classic บนทำเลติดถนนใหญ่ ใจกลางความสะดวกสบายใกล้ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ สามารถเชื่อมต่อได้หลากหลายเส้นทาง จำนวน 178 ยูนิต
4. เศรษฐสิริ เสรีไทย แบบบ้าน Modern Classic ราคา 13 – 25 ล้านบาท* ใกล้แฟชั่นไอส์แลนด์ ทางด่วน และรถไฟฟ้า รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ท่ามกลางสังคมส่วนตัว เพียง 109 ยูนิตเท่านั้นในโครงการ
5. เศรษฐสิริ กรุงเทพ – ปทุมธานี 2 แบบบ้าน Modern Classic กับบรรยากาศริมสนามกอล์ฟ ราคา 12 – 30 ล้านบาท* ต่อยอดความสำเร็จจาก เศรษฐสิริ กรุงเทพ-ปทุมธานี โครงการแรก ครบทุกศักยภาพเพื่อการเดินทาง รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งทางด่วน รถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถาบันการศึกษาชั้นนำ จำนวน 70 ยูนิต
ในตอนท้าย นายอาณัติ ยังกล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์ของเศรษฐกิจในประเทศจะยังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน แต่เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยจะค่อย ๆ ฟื้นตัวตามภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ รวมถึงยังมีโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) อีกหลายโครงการที่รออนุมัติ ปัจจัยบวกเหล่านี้จะส่งผลดีให้เกิดการจ้างงานและรายได้ของคนไทยปรับดีขึ้น และเชื่อว่าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะได้รับอานิสงส์ไปด้วยเช่นกัน โดยในส่วนของแสนสิริพร้อมที่จะรุกตลาดอสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง และมั่นใจจะทำยอดขายและรายได้ตามเป้าหมาย โดยบ้านแนวราบตั้งเป้ายอดขายไว้ทั้งปีที่ 33,000 ล้านบาท