สิวารมณ์ เรียลเอสเตท ลุยเดินสายโรดโชว์ นักลงทุนรายใหญ่ – สถาบัน ระหว่างวันที่ 31 พ.ค. – 2 มิ.ย.นี้ จ่อเสนอขายหุ้นกู้สิวารมณ์ ครั้งที่ 1/2566 ชุดที่ 1 จำนวนไม่เกิน 300 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 7 ต่อปี และชุดที่ 2 ไม่เกิน 300 ล้านบาท อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 7.35 ต่อปี ชูดอกเบี้ยจูงใจ โดยชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน เสนอขายผ่าน 5 โบรเกอร์ บล.โกลเบล็ก, บล.ดาโอ, บล.พาย, บล.บียอนด์ และ บล.ฟิลลิป ระหว่างวันที่ 26 – 28 มิ.ย.นี้ พร้อมส่งซิก ครึ่งปีหลัง จ่อเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ หนุนผลการดำเนินงานเติบโตก้าวกระโดด
นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “SVR” เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ระหว่างวันที่ 31 พ.ค. – 2 มิ.ย.2566 เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน “หุ้นกู้ของบริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2566 จำนวนไม่เกิน 600 ล้านนบาท โดยแบ่งเป็นหุ้นกู้ชุดที่ 1 ไม่เกิน 300 ล้านบาท อายุ 1 ปี 9 เดือน มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 7 ต่อปี และชุดที่ 2 ไม่เกิน 300 ล้านบาท อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 7.35 ต่อปี โดยชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน โดยเสนอขายขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ให้แก่นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) ที่กำลังมองหาโอกาสเข้าลงทุนในหุ้นกู้ที่มีคุณภาพ หุ้นกู้ดังกล่าวครบกำหนดไถ่ถอน วันที่ 29 ธันวาคม 2568 โดยผู้ออกหุ้นกู้สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน ได้ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 67 เป็นต้นไป
โดยจะเปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 26 – 28 มิถุนายน 2566 ผ่านผู้จัดการจัดจำหน่าย 5 บริษัทหลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ,บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สำหรับแผนการเสนอขายหุ้นกู้ บริษัทฯอยู่ระหว่างยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และยังไม่มีผลบังคับใช้
“การเสนอขายหุ้นกู้ของ SVR ในครั้งนี้ บริษัทฯมีแผนนำเงินจากการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวไปชำระหนี้เงินกู้ยืม จำนวน 160 ล้านบาท และซื้อที่ดินพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 440 ล้านบาท เพื่อเพิ่มโครงการในอนาคต สู่การสร้างมูลค่าเพิ่มของรายได้และกำไรให้กับบริษัทฯอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันยังตอกย้ำถึงศักยภาพการเติบโต สู่ระดับ High Growth สอดรับการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโครงการแบบหมุนเร็ว (Quick Turnover) ที่การมองตลาดเร็ว และพร้อมปรับตัวรองรับทุกสถานการณ์ตลอดเวลา”
นอกจากนี้ นายรณฤทธิ์ ยังกล่าวตอกย้ำถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 ที่ผ่านมาว่า SVR มีกำไรสุทธิ 23.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.91 ล้านบาท และมีรายได้รวมที่ 215.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 134 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 11.30% จากช่วงไตรมาส 1/2565 ที่ 7.46% และมีกระแสเงินสดคงเหลือ ณ สิ้นไตรมาสแรก อยู่ที่ 30.19 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทฯวางไว้
ทั้งนี้ บริษัทฯยังได้ประเมินโอกาสการเติบโตในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่า ตั้งแต่ไตรมาส2/2566 เป็นต้นไป ภาพรวมผลการดำเนินงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 จะเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลังมีการเปิดตัวโครงการใหม่ อาทิ โครงการสิวารมณ์ วิลเลจ (บางกรวย-ไทรน้อย) มูลค่าโครงการ 691 ล้านบาท ที่จะเปิดตัวในเดือนกรกฎาคมนี้ และจะสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป ส่วนอีก 2 โครงการ คือโครงการ สิวารมณ์ ปาร์ค (ซอยประชาอุทิศ 76) โครงการบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการ 528 ล้านบาท และโครงการสิวารมณ์ ไฮด์ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) โครงการบ้านเดี่ยว มูลค่าโครงการ 401 ล้านบาท จะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/2566 และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาภายในไตรมาส 4/2566 เช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้ปี 2566 บริษัทฯมีอัตราการเติบโตของผลการดำเนินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
“บริษัทฯจะรักษาอัตราการเติบโตให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทฯมีความพร้อมในฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯได้รับเงินระดมทุนจากการขายหุ้น IPO เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 1 เท่า และเพื่อให้สถานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น บริษัทฯจึงมีแผนเสนอขายหุ้นกู้ เพื่อเป็นการปรับสัดส่วนต้นทุนทางการเงินให้เกิดความสมดุล โดยเม็ดเงินจากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำเงินมาใช้ลงทุนซื้อที่ดิน ขยายธุรกิจตามแผนงาน สร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต”