บทพิสูจน์งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่าง 23 – 26 มีนาคมที่ผ่านมา ปิดยอดขายภายในวันงานไปมากกว่า 4,000 ล้านบาท และที่คาดว่าจะตามหลังมาถึงกลางปีนี้ ทะลุกว่า 10,000 ล้านบาท เผยดีมานด์ด้านที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาสแรกทะยาน สะท้อนความมั่นใจต่อเศรษฐกิจโดยรวมและการบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวได้ดี ทั้งผู้ประกอบการได้เตรียมสินค้าโครงการต่างๆ มาตอบรับได้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
นพ.วิเชียร แพทยานันท์ ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 กล่าวว่า “สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย ต้องขอขอบคุณสมาชิกผู้ประกอบการทุกบริษัท รวมถึงสถาบันทางการเงินที่ร่วมแรงร่วมใจผลักดันงานมหกรรมฯ ครั้งนี้ จนประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนบูธที่ขายได้เกือบ 100% ไปจนถึงจำนวนโครงการอสังหาฯ ที่มานำเสนอแก่ลูกค้าก็ทะลุกว่า 1,000 โครงการ ซึ่งเป็นไปตามเป้า แต่ที่สำคัญต้องขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้ความสนใจและมั่นใจในงานครั้งนี้ โดยตลอด 4 วันของการจัดงานฯ มียอดสัญญาจะซื้อจะขายทะลุกว่า 1,000 สัญญา คิดเป็นมูลค่ารวมมากกว่า 4,000 พันล้านบาท โดยทางสามสมาคมฯ เชื่อว่าจะมีการซื้อขายติดตามมาอีก 1.5 เท่า ไปจนถึงกลางปีนี้ คิดเป็นมูลค่าต่อยอดจากการจัดงานมากกว่าหมื่นล้านบาท หรือสรุปได้ว่างานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 สามารถสร้างยอดขายได้ ซึ่งเป็นแรงผลักดันกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างความสำเร็จจากการจัดงานในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงดีมานด์ที่อยู่อาศัยในช่วงต้นปี 2566 นี้เติบโตได้ดี อันมีปัจจัยมาจากความมั่นใจในเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศที่กำลังฟื้นตัว เช่นเดียวกับการบริโภคของภาคเอกชน รวมถึงภาคการท่องเที่ยว”
นพ.วิเชียร ยังได้เปิดเผยถึงผลสำรวจภายในงานอีกว่ามียอดผู้เข้าชมงานเพิ่มขึ้น 20 % เมื่อเทียบกับงานครั้งที่ 42 โดยประเภทที่อยู่อาศัยที่ขายได้มากที่สุด ได้แก่ คอนโดมิเนียม คิดเป็น 36 % รองลงมาเป็นทาวน์เฮาส์ 32 % บ้านเดี่ยว 19 % และบ้านแฝด 11 % ส่วนอสังหาฯ ประเภทอื่นๆ ที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ ที่ดินเปล่า บ้านมือสอง ในส่วนของสินเชื่อบ้าน และรีไฟแนนซ์บ้าน มีผู้ยื่นขอใช้บริการคิดเป็นวงเงินรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท
ด้านรายละเอียดจากการการประมวลผลสำรวจผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าและหน้างาน ทางด้านต่าง ๆ พบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้เข้าชมงานมหกรรมฯ เป็นครั้งแรก 67.5% และอีกประมาณ 32.5% เป็นผู้ที่เคยมางานแล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง แสดงให้เห็นว่างานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ที่จัดโดยสามสมาคมอสังหาฯ สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้เพิ่มมากขึ้น ผู้ลงทะเบียนมีระยะเวลาในการตัดสินใจซื้อภายใน 1 – 2 ปี มากที่สุด 22.2% รองลงมามีระยะเวลาในการตัดสินใจซื้อภายใน 6 – 12 เดือน 17.0% ส่วนตัดสินใจซื้อภายในงานเลยมีเพียง 5.6% ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ในการซื้อเพื่อต้องการมีที่อยู่อาศัยของตนเองมากที่สุด 40.5% รองลงมาซื้อเพราะต้องการความสะดวกในการเดินทาง 15.6% ส่วนซื้อเพื่อการลงทุนมีเพียง 7.3% โดยผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen Y ในช่วงอายุ 21-30 ปี 35.2% รองลงมาอยู่ในช่วงอายุ 31-40 ปี 30.3% ขณะที่ 15.5% เป็นกลุ่ม Gen X ในช่วงอายุ 41-50 ปี ส่วนรายได้ส่วนตัวต่อเดือนชี้ว่าผู้เข้าชมงาน 37.2% มีรายได้อยู่ไม่เกิน 30,000 บาท ส่วน 29.5% มีรายได้อยู่ระหว่าง 30,000-50,000 บาท ในขณะที่ 33.2 % เป็นกลุ่มที่มีรายได้เกิน 50,000 บาท ส่วนในเรื่องความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย พบว่าเกินครึ่งของผู้เข้าชมงานมหกรรมฯ ที่เข้ามาชมงานและมีความต้องการซื้อ 58.3% และมีงบประมาณที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ละประเภทอยู่ในช่วง 2 – 3 ล้านบาท มากที่สุด 28.9% รองลงมาอยู่ในช่วงไม่เกิน 2 ล้านบาท 22.4% และ 3 – 4 ล้านบาท 21.7% ในขณะที่บ้านในระดับราคาแพงที่เกินกว่า 15 ล้านบาทขึ้นไปมีเพียง 2.6% และโดยส่วนใหญ่ต้องเป็นที่อยู่อาศัยใหม่ 86.5% บ้านมือสองมีความต้องการซื้อ 13.5%