สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย จัดพิธีเปิดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 อย่างเป็นทางการ ณ ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยได้รับเกียรติจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิด
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “ที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสี่ของทุกคน เป็นจุดเริ่มต้นของสังคมครอบครัว พื้นฐานหลักที่สำคัญของสังคมไทย หากครอบครัวมีที่อยู่อาศัย ชีวิตของสมาชิกครอบครัวก็จะมั่นคง คุณภาพชีวิตก็จะดีด้วย แต่การจะทำให้ทุกครอบครัวมีที่อยู่อาศัย ต้องมีความร่วมมือกันจากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน นอกจากนี้กรุงเทพมหานครได้กำหนดนโยบายด้านที่อยู่อาศัยและนโยบายอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของหรือมีที่อยู่อาศัยให้กับคนกรุงเทพฯในแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้น กลุ่ม First Jobber และกลุ่มคนวัยทำงาน ซึ่งนโยบายสำคัญนี้สอดคล้องกับความวัตถุประสงค์ของการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด คือ กรุงเทพมหานครต้องการเพิ่มโอกาสการมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง และหลากหลายรูปแบบให้กับคนกรุงเทพฯ ผ่านแผนยุทธศาสตร์ที่อยู่อาศัย โดยจะทำการศึกษาถึงความต้องการของคนแต่ละกลุ่มว่าต้องการที่อยู่อาศัยรูปแบบใด โดยประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่อยู่อาศัย เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน การเคหะแห่งชาติ ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย และจะทำการติดตามผลให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ โดยในส่วนกรุงเทพมหานครเอง ก็จะดำเนินการกองทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องกองทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2541 เพื่อเพิ่มโอกาสพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มั่นคงให้กับคนกรุงเทพฯ อีกด้วย”
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า “นอกจากนี้กรุงเทพมหานครก็จะให้การสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยชั่วคราว สำหรับนักเรียนนักศึกษาจบใหม่ หรือกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้น และก้าวเข้ามาสู่การเป็น First Jobber เพื่อให้เช่าในราคาต่ำ เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้สามารถตั้งตัวและเก็บเงินก้อนแรกได้ โดยจะใช้พื้นที่สำนักงานกรุงเทพมหานคร ที่กระจายตัวอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน หลังจากที่ย้ายพนักงานส่วนใหญ่มาทำงานร่วมกันที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 พร้อมทั้งปรับปรุงอาคารสงเคราะห์ข้าราชการ และลูกจ้างประจำกรุงเทพฯ ให้มีความหนาแน่นมากขึ้น พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ส่วนกลางคุณภาพ กรุงเทพมหานครยังจะจัดทำฐานข้อมูลที่ดินในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ร่วมกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชน หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นำอาคารเก่า หรือร้างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ไปพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อคนวัยเริ่มทำงานได้เช่า โดยที่กรุงเทพมหานครจะออกมาตรการส่งเสริมด้านภาษี มาตรการส่งเสริมการพัฒนาด้วยการเพิ่มอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาที่อยู่อาศัย รวมทั้งจะช่วยประชาสัมพันธ์ ทำการรวบรวมยูนิตที่อยู่อาศัยชั่วคราวในทำเลต่างๆ และช่วยเหลือในการค้นหาและประสานงานการจัดหาที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้กับกลุ่มเป้าหมาย”
“ส่วนนโยบายสนับสนุนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านอื่นๆ ก็ประกอบด้วยนโยบายสร้างเมืองใหม่ในพื้นที่ชานเมือง เพื่อเพิ่มแหล่งงานในย่านที่อยู่อาศัยชานเมือง และเร่งตัดถนนสายย่อยเชื่อมการเดินทาง ลดการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ชั้นใน พร้อมทั้งเร่งตัดถนนย่อยตามผังเมือง เพิ่มความคล่องตัวของการจราจรและโอกาสในการมีรถเมล์สายรอง นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเพิ่มรถเมล์สายหลักและสายรองราคาถูกตลอดสาย นโยบายสร้างจุดเชื่อมต่อการเดินทาง เพื่อการเปลี่ยนถ่ายการเดินทางที่สะดวกสบายขึ้น นโยบายเพิ่มสถานีชาร์จและสลับแบตเตอรี เพื่อรองรับผู้ใช้รถไฟฟ้าที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดเป็นเพียงแค่บางส่วนของนโยบายด้านที่อยู่อาศัย และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ทางกรุงเทพมหานครมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง และเกิดขึ้นให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยให้คนกรุงเทพฯ สามารถมีที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพเป็นของตัวเองให้ได้มากที่สุด” นายชัชชาติ กล่าวทิ้งท้าย
ด้าน นพ.วิเชียร แพทยานันท์ ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 กล่าวว่า “งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 นี้ จะมีบูธจากผู้ประกอบการมากกว่า 100 บริษัท รวมโครงการอสังหาฯ ทุกรูปแบบ ทุกราคา ทุกทำเล มานำเสนอแก่ผู้บริโภคมากกว่า 1,000 โครงการ ซึ่งหากคิดมูลค่าของโครงการทั้งหมดภายในงานแล้วจะมากถึง 3 แสนล้านบาท โดยที่สามสมาคมคาดว่าจะมีสัญญาจะซื้อจะขายเกิดขึ้นภายในงานครั้งนี้ ราว 1,500 สัญญา คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 6 พันล้านบาท และยังมีแรงกระตุ้นต่อเนื่องให้เกิดการซื้อขายตามมาอีก 3 เดือน เป็นมูลค่ารวมประมาณ 9 พันล้านบาท หรือ 1.5 เท่า เมื่อเทียบกับยอดภายในงานและหลังงาน จะทำให้ยอดขายในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งนี้ รวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท”
“ด้วยความต่อเนื่องของการจัดงานที่ได้มาตรฐาน มีโครงการที่อยู่อาศัยจากหลากหลายรูปแบบมารวมกันในที่เดียว มียอดจองซื้อขายทั้งภายในงานและต่อเนื่องหลังงานถึงหลักหมื่นล้านบาท ทำให้งานมหกรรมบ้านและคอนโด เป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดการเติบโตของวงการอสังหาริมทรัพย์และของเศรษฐกิจโดยรวม อย่างไรก็ตามวัตถุประสงค์การจัดงานไม่เคยเปลี่ยนแปลง สามสมาคมยังคงมุ่งมั่นที่จะจัดงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นเวทีช่วยให้คนไทยได้เป็น ‘เจ้าของที่อยู่อาศัย’ เป็นของตัวเองได้ ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการมีที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นทั้งหนึ่งในปัจจัยสี่ของชีวิตคน และเป็นจุดเริ่มต้นของสังคม”
นพ.วิเชียร กล่าวต่อว่า “ยิ่งปัจจุบันมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้การมีบ้านเป็นของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย ทางคณะกรรมการจัดงานจึงได้กำหนดแนวคิดการจัดงาน ที่ว่า “เรื่องเป็นอยู่ เป็นเรื่องง่าย” หรือ “Up Life by Live” เพื่อสื่อถึงความพยายามของสามสมาคมที่ต้องการช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบ้านได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มกลไกทางการตลาดเข้าไปในงานฯ ที่ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านมีความหวังขึ้นอีกครั้งกับการยื่นกู้สินเชื่อให้ผ่าน โดยพยายามดึงพันธมิตรที่เป็นสถาบันการเงินเข้ามาร่วมให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อกับคนที่มางานครั้งนี้”
“ความพยายามที่จะทำให้งานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งนี้ เป็นทั้งงานแสดงสินค้าอสังหาฯ ที่ใหญ่ที่สุด และยังเป็นงานรวมที่ปรึกษาด้านการเงินจากหลากหลายธนาคาร เพื่อช่วยผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านให้เข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้อย่างง่ายดาย โดยงานนี้จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ผู้ซื้อ ผู้ประกอบการ และธนาคารได้มาเจอกัน ภายในพื้นที่ที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ ที่ชื่อว่า Financial Advisory Zone ซึ่งผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อบ้านที่ถูกใจ และยื่นขอสินเชื่อได้เลยทันทีที่โซนนี้ โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารก็จะทำการตรวจสอบเอกสารและประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของผู้ซื้อ พร้อมกับหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดให้กับผู้ซื้อได้ในทันที”
“บริการ Financial Advisory นี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการยื่นกู้ผ่านให้กับคนที่อยากมีบ้าน ช่วยผู้ประกอบการได้ขายสินค้าที่อยู่อาศัยที่มีอยู่ และช่วยธนาคารคัดกรองกลุ่มลูกค้าคุณภาพ สามารถประเมินความสามารถผ่อนชำระของผู้กู้ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยลดอัตราการเกิด NPL เรียกว่า Win กันทุกฝ่าย” นพ.วิเชียร กล่าวทิ้งท้าย
งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 จะมีขึ้นระหว่าง 23 – 26 มีนาคม 2566 ที่ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในส่วนของโปรโมชั่นสำหรับผู้จองซื้อที่อยู่อาศัยภายในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 จะได้สิทธิ์ลุ้นรับโทรทัศน์ Panasonic รุ่น TH-65 LX650T เครื่องละ 23,990 บาท และรุ่น TH-55 LX650T เครื่องละ 17,490 บาท รวมมูลค่าของรางวัลเกือบ 3 แสนบาท