LPP ชูแนวคิดหลัก ‘Limitless PPossibilities’ ผนึกกำลังทีมงานขับเคลื่อนองค์กรผ่าน 3 Key Change หลัก พร้อมกำหนดทิศทางการต่อยอดธุรกิจ สู่ความแข็งแกร่งและการเติบโตแบบก้าวไกลไร้ขีดจำกัด
นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) บริษัทบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ประกาศนโยบายและแนวทางการดำเนินธุรกิจที่จะขับเคลื่อนองค์กรในปี 2566 ภายใต้วิสัยทัศน์ Limitless PPossibilities โดยปลุกพลังทีมงานและกลุ่มธุรกิจในเครือ LPP ผ่านการประชุม LPP Town Hall Meeting 2023 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายร่วมกันในการเป็นบริษัทบริหารจัดการโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรระดับแนวหน้าของประเทศที่มีการเติบโตต่อเนื่องแบบก้าวไกลไร้ขีดจำกัด และพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตอันใกล้ โดยได้กำหนดยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กรและรับมือกับความท้าทายในอนาคต 3 ประการ ได้แก่
• Non-LPN Customers : ขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่ม LPN ผ่านงานบริหารจัดการอาคารเชิงพาณิชย์ (Facility Management) และงานวิศวกรรม (Engineering Service)
• One-Stop Service : ขยายขอบเขตงานให้ครอบคลุมทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
• Platform Business : พัฒนาการให้บริการผ่าน Platform เพื่อพร้อมให้บริการ 24 ชม. และรองรับการต่อยอดธุรกิจการวางโครงสร้างการบริหารจัดการโครงการ
ทั้งนี้ จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของธุรกิจและบริการของ LPP จนถึงปัจจุบัน ทำให้ LPP มีฐานที่มั่นคงพร้อมที่จะเติบโตต่อไปในระยะยาว โดยบริษัทได้กำหนดแนวทางธุรกิจใหม่ที่เป็น New S-Curve เพื่อต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากขึ้น จาก S-Curve แรกที่เติบโตจากธุรกิจบริหารชุมชน (CM) และธุรกิจฝากขาย ฝากเช่า (RRD) ต่อยอดมาที่ S-Curve ปัจจุบันซึ่ง LPP ตั้งเป้าการเติบโต 30% ในปี 2566 โดยมี 2 ธุรกิจใหม่เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก ได้แก่ บริษัท รักษาความปลอดภัย แอลเอสเอส โซลูชั่นส์ จำกัด (LSS) และบริษัท ลุมพินี โปรเจค มาเนจเมนท์ เซอร์วิส จำกัด (LPS) โดยได้กำหนดให้ LSS สามารถขยายการให้บริการจากธุรกิจรักษาความปลอดภัยสู่ธุรกิจบริหารจัดการเชิงพาณิชย์ครบวงจร และ LPS เร่งสร้างการเติบโตของธุรกิจที่ปรึกษาและพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ตั้งแต่ การให้คำปรึกษา การวิจัยตลาด การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการ เสนอแนวคิดในการออกแบบ และงานก่อสร้าง รวมไปถึงงานบริการงานด้านวิศวกรรม (Engineering Service) และการขยายการลงทุนร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ จึงเชื่อมั่นว่าภายในปี 2566 นี้ LPP จะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ที่ 1,600 ล้านบาท และพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ได้ตามเป้าหมาย
นายสุรวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายการขับเคลื่อนธุรกิจของ LPP ใน S-Curve ที่ 3 นั้น จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจผ่าน LPP Platform ที่จะช่วยเติมเต็มการให้บริการ 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าและผู้อยู่อาศัยของ LPP มากขึ้น อาทิ Emergency Operation Center (Smart Security) , Smart Building และด้าน Wellness ทั้งนี้เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกบ้านที่อยู่ภายใต้การดูแลของ LPP ให้มีความสุข สะดวก และสบายใจยิ่งขึ้น ตามแนวคิด Smooth Your Living ที่ LPP ตั้งใจส่งมอบ