บริษัท โฟร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด คาดผลประกอบการยอดขายประกันวินาศภัยในปี 2565 จะมีเบี้ยสุทธิมากกว่า 450 ล้านบาท มีการเติบโตในทุกหมวดผลิตภัณฑ์ ทั้งประกันภัยรถยนต์ พรบ. ประกันอัคคีภัย การประกันภัยขนส่งสินค้า และประกันภัยเบ็ดเตล็ด มีสัดส่วนการเติบโตประมาณ 28% จากยอดขาย 351,093,721.31 ล้านบาทในปี 2564 พร้อมมุ่งเน้นให้ความสำคัญในการบริการลูกค้าให้ได้รับความสะดวกสบายมากในขั้นตอนบริการตรงตามความคาดหวังของลูกค้าเพิ่มขึ้นร่วมส่งคืนผลประโยชน์กลับดูแลสังคมมากกว่าการทำกำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียว หวังเป็นที่พึ่งพาของประชาชนดูแลให้คำปรึกษาผู้เอาประกันภัยอย่างมีคุณภาพ
นายโพทัย วิเชียรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โฟร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่าทางบริษัทฯ ได้ใช้เวลาในช่วงเกิดวิกฤตการระบาดของโควิด 19 ที่กระทบต่อธุรกิจในภาพกว้างทั่วโลก ให้ความสำคัญในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ในพฤติกรรมการตัดสินใจทำประกันภัยผู้เอาประกันภัยที่มีมากขึ้น ซึ่งประชาชนตระหนักและเล็งเห็นความสำคัญในการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อปกป้องความเสี่ยงภัยทั้งด้านทรัพย์สินและสุขภาพมากขึ้นดังเห็นจากยอดการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยภายรวมผลการดำเนินงานของปี 2565 บริษัทฯ คาดจะมียอดขายเบี้ยประกันภัยสุทธิ 412,764,593. ล้านบาท เติบโตรวม 17.5% ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีและปรับโครงสร้างการบริหารสามารถลดต้นทุนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้นทุนและค่าใช้จ่ายการให้บริการคิดเป็น 29% ของรายได้รวม ซึ่งบริษัทฯ ได้แบ่งบันผลประโยชน์คืนสู่สังคมต่างๆ ทั้งในด้านทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียนของโรงเรียน การจัดร่วมบริจาคโลหิตให้โรงพยาบาล ส่งเสริมทำนุบำรุงด้านพระพุทธศาสนาแก่วัดต่างๆ และการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดนนทบุรีร่วมกับหน่วยงาน สาธารณสุขและจังหวัดอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้เตรียมขยายผลิตภัณฑ์ประกันภัยรายย่อย (Micro Insurance) เป็นการสร้างความเข้าถึงด้านประกันภัยขั้นพื้นฐานเพื่อการนำร่องเพื่อขยายประกันภัยกรมธรรม์หลักด้านที่อยู่อาศัย และประกันภัยสุขภาพ ซึ่งประชาชนให้ความสำคัญต่อสุขภาพและค่ารักพยาบาลเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง คปภ.คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขความคุ้มครองใหม่ขึ้นในปี 2564 การปฎิเสธการต่ออายุหรือการประกาศขอยกเลิกกรมธรรม์อย่างที่เคยปรากฎในวิกฤตโควิดไม่สามรถทำได้ ยกเว้น ผู้เอาประกันภัยปกปิดข้อเท็จจริงด้านสุขภาพหรือฉ้อฉลเปิกค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจริง ซึ่งจะทำให้ผู้เอาประกันภัยจะสามารถตัดสินใจทำกรมธรรม์ประกันภัยสุขภาพมากขึ้น ซึ่งทางบริษัทฯ คาดว่าจะมีเบี้ยประกันภัยเติบโต 10% คาดว่ามีเบี้ยแตะ 500 ล้านบาทในปี 2566