‘บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร’ โชว์ศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งเอาชนะความท้าทายจากปัจจัยต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้านแบรนด์สินค้าที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย และช่องทางจำหน่ายครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมบริหารจัดการประสิทธิภาพด้านการผลิต หนุนขีดความสามารถในการแข่งขันการทำตลาด มั่นใจปีนี้เติบโต 5% ตามแผน
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ตราเพชร” เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจในปี 2565 เป็นอีกหนึ่งปีแห่งความท้าทายเชิงการบริหารจัดการทางธุรกิจเพื่อเอาชนะกับการเร่งตัวของต้นทุนพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบบางรายการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณ 10% หลังเกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน อย่างไรก็ตามด้วยศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ DRT ในฐานะที่เป็นผู้นำในตลาดวัสดุก่อสร้างที่มีจุดแข็งด้านแบรนด์สินค้า ‘ตราเพชร’ ในด้านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สามารถนำไปก่อสร้างบ้านได้ทั้งหลัง รวมถึงช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายและการบริหารด้าน Product Mix เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ กลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์และตลาดต่างประเทศ ทำให้ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มุ่งเน้นการบริหารจัดการด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพโดยมุ่งรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ย 80-90% ตลอดทั้งปี และนำหลัก 3R ลดการสูญเสียในกระบวนการผลิตเพื่อใช้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) ที่ช่วยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันการทำตลาดได้อย่างเต็มที่ ตลอดจนพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างที่เข้าไปตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้เป็นอย่างดีทั้งในเรื่องของฟังก์ชันและดีไซน์ ส่งผลดีต่อภาพรวมการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ของ DRT ที่ทำรายได้รวมเติบโต 7.8% สูงกว่าการขยายตัวของตลาดวัสดุก่อสร้าง โดยกลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์เติบโตมากกว่า 40% สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและคุณภาพของผลิตภัณฑ์แบรนด์ ‘ตราเพชร’ ได้เป็นอย่างดี และคาดว่าทั้งปีจะสามารถผลักดันรายได้รวมเติบโต 5% ได้ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากแผนการลงทุนเพิ่มสายการผลิตกระเบื้องหลังคาคอนกรีตอีก 100,000 ตันต่อปี ภายใต้งบลงทุน 477 ล้านบาท รองรับกับความต้องการสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะติดตั้งพร้อมเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ได้ภายในต้นปี 2567 สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่กลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ DRT มีความยืดหยุ่นด้านการผลิตกระเบื้องหลังคาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แนวราบได้ดียิ่งขึ้นและรักษาความเป็นผู้นำตลาดได้
“จากศักยภาพการดำเนินธุรกิจ DRT ที่มีความแข็งแกร่งในทุกด้านแบรนด์สินค้า ช่องทางจำหน่าย และประสิทธิภาพการผลิต ทำให้เราสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดีและเอาชนะกับความท้าทายด้านต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เพื่อขับเคลื่อนผลการดำเนินงานเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นทุกคน” นายสาธิต กล่าว