เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) ผู้นำธุรกิจและต้นแบบเพื่อที่อยู่อาศัยของประเทศไทย ชี้ผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างจากสถานการณ์โควิด-19 และความขัดแย้งระหว่างสถานการณ์รัฐเซียและยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อก่อให้เกิดปัญหาในหลายด้าน ทั้งราคาพลังงานและน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น การขาดแคลนทรัพยากรที่ล้วนส่งผลต่อต้นทุนและค่าครองชีพให้ขยับตัวสูงขึ้น สะท้อนได้จากปัญหาเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้าง ทำให้ราคาบ้านมีราคาสูงขึ้น รวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้นด้วย
คุณแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในส่วนของรายได้ของภาคอสังหาฯ นั้น จำเป็นที่จะต้องควบคุม 4 ปัจจัยหลักๆ คือ พนักงาน ระบบปฏิบัติงาน งานซ่อมแซมและบริการหลังการขาย รวมถึงสิ่งแวดล้อมที่ต้องคำนึง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและต่อเนื่องของรายได้ในภาคอุตสาหกรรมนี้”
นอกจากนี้ คุณแสนผิน สุขี ยังให้ความเห็นต่อทิศทางอสังหาฯ ไทย ว่า “แนวโน้มการพัฒนาโครงการ ความต้องการของผู้บริโภคแนวราบ จะมีการแข่งขันสูงขึ้น สินค้าบ้านเดี่ยวมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบ้านในระดับราคา 10 ล้านขึ้นไป และด้วยแนวโน้มของราคาที่ดินที่สูงขึ้นทุกปี ทำให้ที่อยู่อาศัยแนวราบถือเป็นหนึ่งในสินค้าที่น่าลงทุนเพื่ออนาคตสำหรับผู้บริโภคอย่างยิ่ง
ในส่วนของภาคอสังหาฯ ยังคงต้องปรับตัวเพื่อให้ธุรกิจสามารถกลับมาสู่สภาพเดิม ‘RESILIENCE’ ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ทำเล ราคา และสินค้า เนื่องจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคหลังเกิดวิกฤติดังกล่าว”
สำหรับปี 2565 เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) มีการเปิดโครงการ 25 โครงการ มูลค่า 29,500 ล้านบาท ประกอบด้วยทาวน์โฮม 10 โครงการ, นีโอ โฮม บ้านแฝด จำนวน 2โครงการ, บ้านเดี่ยว 10 โครงการ และ โครงการต่างจังหวัด 3 โดยมีการขยายกลุ่มลูกค้าจับตลาดกลาง-บนที่มีกำลังซื้อมาก มีการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งในส่วนของแบบบ้าน ซุ้มโครงการ สวนสาธารณะในโครงการ สภาพโครงการที่แปลกใหม่ เพื่อดึงดูดลูกค้าในทุกๆ Segment พร้อมทั้งมีพื้นที่ใช้สอยสำหรับรองรับทุกกิจกรรม ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างสระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้าน เทคโนโลยี Frasers Clean & Cool Air ที่ช่วยระบายอากาศภายในบ้าน และระบบ EV Charger รองรับการใช้งานของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม
“สำหรับทิศทางการปรับตัวของอสังหาริมทรัพย์ไทย นอกจากจะเห็นการแข่งขันของบ้านแนวราบที่สูงขึ้น โดยผู้พัฒนาอสังหาฯ หันมาจับกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อมากขึ้นแล้ว จะยังเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านรูปแบบการทำธุรกิจของผู้พัฒนาอสังหาฯรายต่างๆที่ให้ความสนใจพื้นที่นอกกรุงเทพฯ-ปริมณฑลมากกว่าเดิม และรุกเดินหน้าพัฒนาพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อขยายตลาดมากขึ้น เพราะที่ดินกรุงเทพฯ-ปริมณฑลมีราคาสูงขึ้นมากและตลาดมีการแข่งขันสูง นอกจากนี้ผู้พัฒนายังปรับรูปแบบการพัฒนาโครงการบนที่ดินขนาดไม่ใหญ่ เพื่อให้เกิดการรายได้ที่เร็วขึ้น สุดท้ายถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น กลุ่มคนทำงานที่มีรายได้ประจำ จะกลับเข้าสู่ตลาดเร็วขึ้น ” คุณแสนผิน สุขี กล่าวทิ้งท้าย