SMART ฟอร์มดี โชว์งบครึ่งปีแรก 64 รายได้รวม 235.12 ล้านบาท กำไรโต 12.72%
SMART ฟอร์มดี เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 64 รายได้รวม 235.12 ล้านบาท กำไรโต 12.72% ความต้องการอิฐมวลเบา-อิฐมวลเบาตกแต่งเพิ่ม งานโครงการเมกะโปรเจ็คหนุน รับอานิสงส์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ คาดแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 3/64 ทรงตัว เร่งพัฒนาออกสินค้าผนังมวลเบาครบวงจร พร้อมขยายฐานลูกค้าทั่วประเทศ
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยถึงผลประกอบการครึ่งแรกปี 2564 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 235.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 212.56 ล้านบาท จำนวน 22.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.61% และมีกำไรสุทธิ 23.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20.97 ล้านบาท จำนวน 2.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.72 %
ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 111.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 94.64 ล้านบาท จำนวน 16.57 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.50% และมีกำไรสุทธิ 9.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.45 ล้านบาท จำนวน 0.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.75 %
ทั้งนี้ ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาตกแต่ง ในช่วงไตรมาส 2/64 มีปริมาณการผลิตและยอดขายสูงสุด ทำนิวไฮเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งปริมาณคำสั่งซื้ออิฐมวลเบาเพิ่มขึ้น มีการเรียกเข้าสินค้าจากงานโครงการเดิมที่ชะลอไปและงานโครงการใหม่ ปัจจัยสนับสนุนจากนโนบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ นโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ
สำหรับทิศทางธุรกิจช่วงไตรมาส 3/64 มีแนวโน้มทรงตัว จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด 19 การปิดแคมป์ก่อสร้าง หยุดทำงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล พื้นที่ใน 4 จังหวัดภาคใต้เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน และปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ส่งผลกระทบกับบริษัทในระยะสั้น จากการชะลอการก่อสร้าง ภาครัฐ-เอกชนบางโครงการ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงมีคำสั่งซื้อจากกลุ่มผู้รับเหมา ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง งานก่อสร้างโครงการ เมกะโปรเจ็คในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกและภูมิภาคอื่นๆ ที่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามปกติอย่างต่อเนื่อง
“บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจ ก้าวสู่การเป็นผู้นำผนังอิฐมวลเบาครบวงจร เตรียมออกสินค้าอิฐ มวลเบาประหยัดพลังงานขนาดใหม่เพื่องานโครงสร้าง ช่วยแก้ปัญหาการก่อสร้าง ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว อีกทั้ง เตรียมออกสินค้าใหม่อิฐมวลเบาสำหรับงานตกแต่งภูมิทัศน์ ช่วยปรับพื้นที่สวน และบริเวณภายนอกบ้าน และสินค้าอิฐมวลเบาตกแต่งเพิ่ม เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น พร้อมกลยุทธ์การตลาดขยายฐานลูกค้า แนะนำสินค้าต่อกลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อย เจ้าของบ้าน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ผลักดันยอดขายให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้”นายรังสี กล่าว