เมืองไทยประกันภัย’ ผนึกกำลัง ‘มูลนิธิมาดามแป้ง’ หนุนตั้ง Community Isolation 400 เตียง 4 มุมเมืองรอบกรุงเทพฯ
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีตัวเลขผู้ป่วย New High เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีผู้ป่วยที่ต้องการเตียงพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวนมาก เพื่อเป็นการบรรเทาและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ‘บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)’ จึงได้จับมือร่วมกับ ‘มูลนิธิมาดามแป้ง’ ดำเนินภารกิจสู้วิกฤตโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยสมทบทุนจัดตั้งศูนย์ Community Isolation จำนวน 400 เตียง และจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มูลค่ารวมกว่า 4 ล้านบาท ใน 4 แห่งรอบกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียว หวังบรรเทาวิกฤตเตียงไม่เพียงพอ ลดวงจรการเจ็บป่วยรุนแรงและเสียชีวิต เริ่มเปิดบริการต้นเดือนสิงหาคมนี้ เป็นต้นไป
‘มาดามแป้ง’ นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิมาดามแป้ง กล่าวถึงการทำงานครั้งนี้ว่า “นับเป็นการบูรณาการความช่วยเหลือให้เท่าทันสถานการณ์ ในวินาทีที่สังคมต้องการความช่วยเหลือ เราพร้อมหมุนตัว 360 องศาช่วยเต็มที่ ด้วยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ทั้งเอกชน หน่วยงานท้องถิ่น วัด โรงเรียน ชุมชน อาสาสมัคร โดยในอนาคตอันใกล้นี้ เราคงมีพันธมิตรทางธุรกิจมาร่วมกับเราอีกหลายองค์กร แน่นอนว่าจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการแก้ไขวิกฤตของประเทศ”
สำหรับ Community Isolation ทั้ง 4 แห่งนั้น สามารถรองรับผู้ป่วยได้แห่งละ 100 เตียงต่อรอบการรักษา ซึ่งกระจายอยู่ทั้ง 4 มุมเมืองของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ วิทยาลัยพาณิชยการอินทราชัย เขตวังทองหลาง โดย รพ.ลาดพร้าว, ร.ร.สุขุมนวพันธ์อุปถัมภ์ เขตบึงกุ่ม โดย รพ.พญาไท นวมินทร์, โกดังเก็บของ บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ เขตราษฎร์บูรณะ โดย รพ.ประชาพัฒน์ และวัดกำแพง (บางแวก) เขตภาษีเจริญ โดย รพ.มิตรประชา (เพชรเกษม 2) โดยจะเริ่มทยอยเปิดให้บริการในช่วงต้นเดือนสิงหาคม
นางนวลพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ปัญหาใหญ่หนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ คือการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งมองอย่างไรก็ไม่มีทางเพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 รายวัน ดังนั้น นอกจากสนับสนุนการตั้งศูนย์ขึ้นแล้ว เรายังมีแผนสร้างทีมอาสากล้าใหม่มูลนิธิมาดามแป้งขึ้นมาเป็นผู้ช่วยหมอ พยาบาล ในการดูแลผู้ป่วยหน้างานอย่างเร่งด่วน ด้วยรูปแบบการอบรมระยะสั้นตามมาตรฐาน หากเราทำได้ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระงานของหมอ พยาบาลไปได้อีกมาก และยังสามารถขยายโมเดลนี้ได้ทั่วประเทศในอนาคตอีกด้วย”