บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) เสิร์ฟโครงการ “นิว คอนเน็กซ์ เฮาส์ดอนเมือง” ปิดดีลส่งท้ายปี ระบุเปิดตัวโครงการเพียง 2 สัปดาห์ คว้ายอดขาย (Pre-sales) แล้วกว่า 50% ชี้ ดีมานด์ที่อยู่อาศัย ทั้งบ้าน – ทาวน์โฮม – ออฟฟิศ ย่านดอนเมือง ขยายตัวสูงขึ้น พร้อมประกาศเดินเกมรุก บุกตลาดโครงการทาวน์โฮม ในรอบ 10 ปีอีกครั้งตามสานต่อนโยบายมุ่งเน้นพัฒนาโครงการแนวราบ ควบคู่โครงการคอนโดมิเนียมทั้งแบบ High Rise และ Low Rise หวังขยายพอร์ตให้ครอบคลุมทุกมิติ
นายอรัฐ เศวตะทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ NOBLE เปิดตัวโครงการนิว คอนเน็กซ์ เฮาส์ดอนเมือง ซึ่งเป็นโครงการแนวราบ ประกอบด้วย ประเภทบ้านแฝด หรือ ดูโอเฮาส์ ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ ตั้งอยู่ในทำเลใกล้สนามบินดอนเมืองมูลค่าโครงการประมาณ 800 ล้านบาท บนพื้นที่โครงการขนาด 14-2-7.3 ไร่ ซึ่งเป็นโครงการส่งท้ายปี2564 โดยหลังจากที่มีการเปิดตัวโครงการเพียง 2 สัปดาห์แรก ล่าสุดมียอดขาย (Pre-sales) แล้วกว่า 50% ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถกระตุ้นยอดขายในช่วงโค้งสุดท้ายของปีให้กับNOBLE ได้อย่างโดดเด่น เนื่องจากย่านดอนเมืองถือเป็น Hub ของการเดินทางที่สามารถเชื่อมต่อการเดินทางทุกรูปแบบ ทั้งเข้า-ออกเมือง จึงทำให้ย่านดังกล่าวเป็นโซนโลเคชั่น ที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาพื้นที่สำหรับออฟฟิศ ซึ่งสอดรับกับย่านดอนเมืองที่ยังคงมีดีมานด์ของที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบเป็นจำนวนมาก ดังนั้นโครงการนิว คอนเน็กซ์ เฮาส์ ดอนเมือง จึงเป็นโครงการที่ตอบทุกโจทย์ของผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัย และ ออฟฟิศได้อย่างลงตัวทั้งนี้บริษัทฯได้ตั้งเป้าว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถปิดการขาย ได้ภายในต้นปี2565 และพร้อมเปิดตัวโครงการประเภทคอนโดมิเนียม อีก 1 โครงการ ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตาม การที่ NOBLE กลับมาบุกตลาดโครงการทาวน์โฮม ใน รอบ 10 ปีอีกครั้ง ถือเป็นไปตามนโยบายบริษัทฯในการมุ่งเน้นพัฒนาโครงการแนวราบอย่างต่อเนื่อง โดยเล็งเห็นโอกาสในการเข้าซื้อที่ดิน เพื่อพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม
ทั้งนี้เพื่อขยายพอร์ตในการกระจายความเสี่ยง และพัฒนาโครงการให้ครบทุกรูปแบบเพื่อครอบคลุมในทุกมิติ โดยบริษัทฯวางเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบในพอร์ตเป็น 30% จากปัจจุบันที่มี 10% ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้บริษัทฯต้องเดินเกมรุกในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนบราบอย่างต่อเนื่อง