นายจีระศักดิ์ มานะตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม พี เจ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPJ กล่าวว่า “ในปี 2567 นี้ MPJ มีผลการดำเนินงานที่ดี ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 1,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12 % จากรายได้รวม 910 ล้านบาทในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากกำไรสุทธิ 80 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจโลจิสติกส์ทุกประเภทของบริษัทฯ มีการเติบโตได้ตามเป้าหมาย แม้ว่าจะมีต้นทุน และค่าใช้จ่ายด้านการขายกับการบริหารที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร โดยมีสัดส่วนรายได้จาก 2 ธุรกิจหลักคือ ธุรกิจขนส่งทางบกตู้คอนเทนเนอร์ 47%, ธุรกิจลานตู้คอนเทนเนอร์ 30%, มาจากธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (เฟรทฟอร์เวิร์ดเดอร์) 19% และจากธุรกิจคลังสินค้าให้เช่า 4% โดยรายได้จากธุรกิจเฟรทฟอร์เวิร์ดเดอร์เติบโตสูงถึง 97% เนื่องจากบริษัทฯ ได้ขยายแผนกขาย และขยาย เส้นทางการให้บริการให้ครอบคลุมเส้นทางจีน เอเชีย อเมริกาเหนือ และยุโรป และธุรกิจคลังสินค้าให้เช่า เติบโตสูงถึง 272% เนื่องจากการเริ่มรับรู้รายได้ค่าเช่าคลังสินค้าขนาดใหญ่ที่จังหวัดระยองในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกัน 2 ธุรกิจหลักยังมีรายได้ที่มั่นคง โดยธุรกิจลานตู้คอนเทนเนอร์เติบโต 8% และธุรกิจขนส่งทางบก ตู้คอนเทนเนอร์ลดลง 6% เนื่องจากอายุการใช้งานของรถหัวลากบางส่วน สำหรับงานขนส่งที่เพิ่มขึ้นมีอายุ การใช้งานสูง ซึ่งบริษัทฯ มีแผนเปลี่ยนรถหัวลากร้อยละ 10 ต่อปี เพื่อฟื้นฟูประสิทธิภาพรถ
“ในปีนี้ 2568 บริษัทฯ มีแผนจะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเพิ่มรายได้รวม 20% จากปีก่อน โดยมีแผนขยายธุรกิจในทุกด้าน คือ 1. ธุรกิจลานตู้คอนเทนเนอร์ จะขยายพื้นที่ลานตู้คอนเทนเนอร์ ที่แหลมฉบัง และเปิดลานตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่ 3 ที่กรุงเทพมหานคร ตั้งเป้าการเติบโต 14% 2. ลงทุนสร้าง คลังสินค้าให้เช่าแห่งใหม่ ที่จังหวัดระยอง และเปิดบริการไตรมาสแรกปี 2569 เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง และยั่งยืน 3. ธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ จะขยายส่วนแบ่งตลาดในภูมิภาคใหม่ เช่น อเมริกา และตะวันออกกลาง โดยมุ่งหวังให้รายได้เติบโต 50% 4. ธุรกิจขนส่ง จะขยายเครือข่ายภายในประเทศ และแสวงหาลูกค้าใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้ 12% และเปลี่ยนรถหัวลากใหม่ประมาณ 10% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การขนส่ง โดยบริษัทฯ ตั้งงบการลงทุนปีนี้ประมาณ 40 ล้านบาท”
“บริษัทฯ มีฐานะการเงินที่ดีจากผลการดำเนินงานที่ดีและการเพิ่มทุน ทำให้บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม เพิ่มขึ้น 10% มีส่วนของเจ้าของเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญถึง 96% ในขณะที่หนี้สินลดลงถึง 31% บริษัทฯ จึงประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้นเป็นเงิน 60 ล้านบาท โดยจะขึ้นทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 และวันไม่ได้รับสิทธิ (XD) ในวันที่ 30 เมษายน 2568 โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ ผู้ถือหุ้น ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2568” นายจิระศักดิ์กล่าว